หน้าพังเพราะแดดทำให้เกิดฝ้ากระอยู่รึเปล่า เรามาจบปัญหานี้ด้วยการเลเซอร์ฝ้ากันดีไหม นอกจากจะช่วยให้ฝ้า กระ จางลงแล้ว ยังคืนความสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติให้เราได้อีกด้วย
ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของหน้าสวยกระจ่างใสกันทั้งนั้น แต่เมื่อดูใบหน้าใกล้ ๆ กลับเห็นร่องรอยของฝ้าเจ้ากรรมกระจายตัวอยู่เต็มใบหน้าไปหมด ถึงแม้จะขยันทาครีมรักษาฝ้า หรือทาครีมกันแดดสม่ำเสมอแค่ไหนฝ้าก็ยังไม่จางหายไปสักที Napassaree Clinic มีอีกหนึ่งทางออกเพื่อลดปัญหาฝ้ากวนใจมาแนะนำ นั่นคือ การเลเซอร์
เลเซอร์ฝ้า คืออะไร มีอะไรบ้าง
เป็นหัตถการที่ใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นสูงยิงไปยังบริเวณที่เกิดฝ้า หรือบริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอเพื่อยับยั้งการผลิตเมลานินใต้ชั้นผิวหนังอย่างตรงจุด และรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงน้อยที่สุด โดยแพทย์จะปรับความยาวคลื่นของแสงเลเซอร์ไปตามลักษณะของปัญหา ความลึกของฝ้า และบริเวณที่ต้องการเลเซอร์ เพื่อให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วยในเวลาเดียวกัน
โดยทั่วไปการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ มักเป็นการรักษาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้รอยฝ้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด แพทย์จะพิจารณาให้ใช้เลเซอร์กลุ่มยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสี เช่น Q-Switch Laser หรือ Pico Laser โดยวินิจฉัยจากปัญหาฝ้า ลักษณะผิวหน้า รวมไปถึงพิจารณาความต้องการของคนไข้ร่วมด้วย
- Pico Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ยอดนิยมที่ปล่อยพลังงานความถี่สูงด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาทีออกมาเพื่อลดความเข้มของเม็ดสีอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลไว แต่อาจมีอาการหน้าแดง และต้องใช้เวลาพักฟื้น
- Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงาน 2 ช่วง เพื่อลดปัญหารอยดำ รอยแดง รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ
ฝ้าเกิดจากอะไร
ฝ้า (Melasma) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผลิตเมลานินออกมามากผิดปกติ โดยส่วนใหญ่มักถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ เครื่องสำอางบางชนิด และแสงแดด ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด โดยฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าจะมีลักษณะเป็นแผ่น หรือปื้นสีอ่อนไปจนกระทั่งสีเข้ม มักเห็นได้ชัดบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ อาทิ หน้าผาก โหนกแก้ม ลำคอ และตามผิวกาย แบ่งประเภทย่อยออกเป็น ฝ้าแดดที่เกิดจากแสงแดดเป็นหลัก, ฝ้าตื้นที่เกิดจากการผลิตเมลานินผิดปกติในชั้นหนังกำพร้า และฝ้าลึกที่มาจากการผลิตเม็ดสีผิดปกติในชั้นใต้ผิว
วิธีป้องกันการเกิดฝ้า
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป แม้จะไม่ได้ออกไปไหน เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
- พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด กางร่ม หรือสวมหมวกทุกครั้งที่ต้องออกแดด
- หากต้องทำกิจกรรมกลางแดดนาน ๆ ควรพกครีมกันแดดไปทาระหว่างวันด้วย
- หมั่นบำรุงผิว เพื่อฟื้นฟูผิวจากความเหนื่อยล้า และแสงแดดที่เข้ามาทำลายผิว
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ การผลิตเมลานินทำงานอย่างเป็นปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเสี่ยงให้ผิวเกิดการระคายเคือง และอาจมีสารเคมีที่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้
ลบรอยฝ้าอย่างได้ผล ต้องทำอย่างไร
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ฝ้ารักษาไม่หาย แต่เราสามารถลดความเข้มของฝ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าลึกไปมากกว่านี้จนก่อให้เกิดปัญหากวนใจในภายหลังได้ หากเราอยากเป็นเจ้าของใบหน้าที่ดูเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ได้ดังนี้
- ทายารักษาฝ้า การทายาเป็นขั้นตอนการรักษาฝ้าเบื้องต้นที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ โดยยานั้น ๆ จะเป็นยาในกลุ่มของไวท์เทนนิ่ง หรือยาที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี เพื่อให้ฝ้าดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ทาครีมกันแดด เมื่อทาครีมเพื่อลดรอยฝ้าแล้ว สิ่งต่อมาคือทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ฝ้าสีเข้มกว่าเดิม และเกิดฝ้าใหม่อีกในอนาคต
- กินยายับยั้งการผลิตเม็ดสีทั่วร่างกาย ในเคสที่มีฝ้าเกิดขึ้นทั่วหน้า หรือตามร่างกายในปริมาณมาก แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่มักจ่ายยาเพื่อลดการผลิตเม็ดสีของร่างกายมาให้คนไข้ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงต่อไป แต่ทั้งนี้การกินยาต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย
- การผลัดเซลล์ผิว ในกรณีที่เป็นฝ้าชนิดตื้น สามารถลดรอยฝ้าโดยการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ การใช้กรดผลไม้ การสครับหน้า รวมไปถึงการกรอผิวเพื่อให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- การเลเซอร์ฝ้า เป็นอีกหนึ่งวิธีลดรอยฝ้าที่เห็นผลเร็ว และเห็นผลชัดเจน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง แต่การเลเซอร์เหมาะสำหรับการกำจัดฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก
- การฉีดเมโสฝ้า เหมาะสำหรับลดรอยฝ้าในผู้ที่มีฝ้าลึก โดยแพทย์จะผสมตัวยาให้เหมาะกับปัญหาฝ้า และลักษณะผิวหน้าของคนไข้มากที่สุด
วิธีการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้า
- ดูแลผิวหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ไม่ควรแกะ เกา หรือจับหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังยิงเลเซอร์ไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- ใช้สกินแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นกับใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ