อยากจมูกโด่งสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี เรามี “การร้อยไหมจมูก” ที่ช่วยอัพให้ดั้งโด่ง สันจมูกคม และปีกจมูกเล็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำมาแนะนำ
การร้อยไหมจมูก เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมสำหรับปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ช่วยเสกให้ดั้งของเราดูโด่ง เห็นสันชัดเจนได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนของเราได้อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่แล้วอยากรู้ว่าการร้อยไหมนี้ทำอย่างไร ทรงจมูกที่เราอยากได้ใช้วิธีการร้อยไหมได้ไหม แล้วหลังทำควรดูแลตัวเองอย่างไร ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความนี้ประกอบการตัดสินใจได้เลย
เป็นวิธีเสริมจมูกแบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดละลายได้ร้อยเข้าไปในจมูกเพื่อให้จมูกสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมา คล้ายกับการศัลยกรรมโดยใช้ซิลิโคน เส้นไหมจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจนรอบเส้นไหมให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จมูกโด่ง เห็นสันจมูกชัดเจน และปีกจมูกเล็กลง ทั้งยังสามารถดีดปลายจมูกเพื่อให้จมูกพุ่งขึ้นมาได้อีกด้วย แต่การร้อยไหมนี้มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นอยู่กับอายุของไหมที่ใช้ และการดูแลตัวเอง คือประมาณ 6 เดือน – 1 ปี หากครบอายุเส้นไหมจะละลายหายไปจนหมด
การเสริมจมูกด้วยวิธีการร้อยไหม จัดเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เรื่องการร้อยไหมโดยตรง เพราะการร้อยไหมต้องใช้ความแม่นยำ และเทคนิคขั้นสูงในการแต่งทรงให้ออกมาสวย สมส่วนกับใบหน้า และดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจไปร้อยไหม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะดีที่สุด
เพราะทรงจมูกสุดฮิตในไทยมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำที่ปลายจมูกดูยาว ไม่พุ่งเกินไป หรือจะเป็นทรงสโลปปลายพุ่งที่ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุน และทรงปลายเชิดที่ทำให้หน้าเด่นแบบสายฝอ แต่ทรงจมูกแบบไหนถึงจะเข้ากับหน้าเรา มาดูวิธีพิจารณากัน
ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นในการเลือกทรงจมูกเท่านั้น แนะนำว่าผู้ที่อยากปรับทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้าควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรงจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์โครงหน้า และเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับเราที่สุดมาให้พิจารณา รวมไปถึงช่วยประเมินด้วยว่าทำได้จริงไหม ต้นทุนฐานจมูกเรามีเท่าไหร่ ปรับให้โด่งมากน้อยได้แค่ไหน และมีข้อจำกัดอะไรบนใบหน้าที่เราควรรู้เพิ่มเติม