การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการอันดับต้น ๆ ที่คนไทยเลือกใช้ เพราะสามารถแก้ปัญหาร่องลึก ริ้วรอยต่าง ๆ รวมไปถึงฟื้นฟูสภาพผิวได้ด้วยการฉีดกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปในชั้นผิว ทำให้ผิวดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น ผิวจึงกลับมาเต่งตึงอิ่มฟูราวกับได้ย้อนอายุผิวอีกครั้ง นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยให้รูปหน้าเราเปลี่ยนแปลง จึงนิยมนำมาปรับรูปหน้า หรือกรอบหน้าแบบไม่ถาวรด้วย
เช่นกัน แต่การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ การฉีดกรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นสารเติมเต็มประเภทหนึ่งเข้าไประหว่างผิวชั้นตื้น ซึ่งไฮยาลูรอนิกนี้จะเข้าไปกักเก็บความชุ่มชื้นร่วมกับเซลล์ผิวเดิมของเราที่เสื่อมสภาพไปตามอายุขัย ทำให้ผิวของเรากลับมาเต่งตึง ยกกระชับ และดูอิ่มฟู ทั้งยังช่วยลดขนาดรูขุมขนบนใบหน้าลงไปด้วย
นอกจากลดริ้วรอยต่าง ๆ แล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถเข้าไปเติมเต็มคอลลาเจนที่ชั้นผิวของเราสูญเสียไป หลังจากฉีดเราจะสังเกตได้เลยว่าใบหน้าของเรามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เอง การฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ได้มีดีแค่การลดเลือนริ้วรอย แต่ยังสามารถช่วยยกกระชับ เพิ่มมิติบนใบหน้า เป็น ‘การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า’ ของเราอย่างปลอดภัยได้อีกด้วย
ฟิลเลอร์ชั่วคราว เป็นฟิลเลอร์ประเภทเดียวที่ได้รับ อย. จากประเทศไทย สามารถสลายตัวได้เอง 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างใต้ชั้นผิว ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่เกิดหลุมสิว หรืออาการหย่อนคล้อยย้อนหลัง เพราะฟิลเลอร์ชนิดนี้เป็นสารในกลุ่ม Hyaluronic Acid หรือ กรดไฮยาลูรอนิก ที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติเพื่อให้กักเก็บน้ำในผิว จึงมีความปลอดภัยสูง แบ่งเนื้อสัมผัสออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง สามารถปั้น และขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าให้มีมิติมากขึ้น ใช้เวลานานที่สุดกว่าจะสลายตัวไป โดยจะใช้เวลาประมาณ 18 – 24 เดือน โดยปกติฟิลเลอร์ชนิดนี้นิยมนำไปฉีดเพื่อยกกระชับในจุดที่มีการขยับ หรือเคลื่อนไหวน้อยอย่าง แก้ม คาง ขมับ จมูก และกรอบหน้า
ฟิลเลอร์เนื้อกลาง มีความสมดุลกันทั้งความหนาแน่น และความยืดหยุ่น ไม่เหลวแบบเนื้อละเอียด ยังสามารถปั้นขึ้นรูปได้ทรงสวยอยู่ เหมาะสำหรับการนำไปฉีดบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ร่องแก้ม และหน้าผาก โดยทั่วไปแล้วฟิลเลอร์เนื้อกลางจะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
หรือที่เรียกกันว่า ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีอนุภาคเล็กที่สุด ทำให้เนื้อสัมผัสละเอียด ค่อนข้างเหลวจึงกระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับเติมร่องริ้วรอยตื้นตามจุดต่าง ๆ เช่น ใต้ตา หรือเติมริมฝีปากให้เรียบเนียนเต็มอิ่ม ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติกว่าฟิลเลอร์เนื้ออื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
เพราะฟิลเลอร์แต่ละชนิด ถูกออกแบบมาให้ฉีดแต่ละจุดโดยเฉพาะ เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าฟิลเลอร์แบบไหน เหมาะกับการฉีดบริเวณใดของร่างกายบ้าง (ทั้งนี้ ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ที่แน่นอนในแต่ละจุด รวมไปถึงยี่ห้อ และรุ่นที่เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพราะแพทย์จะพิจารณาถึงความเหมาะสม และความปลอดภัยของเราเป็นที่ตั้ง)
เป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตา เช่น มีร่องลึก ถุงใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนวัย โดยปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้จะเริ่มต้นที่ 1-2 ซีซี หลังฉีดแล้วอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
เป็นการเติมสารเติมเต็มเข้าไปในริมฝีปากเพื่อเพิ่มความอิ่มฟู ปรับรูปทรง และแก้ไขปัญหาปากบาง ปากลีบ ทำให้ริมฝีปากดูสวยงาม อวบอิ่ม และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมากจะใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดในการฉีด ซึ่งจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
เป็นการเติมสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณคางเพื่อให้ดูเรียว เสริมปลายคาง หรือเติมเต็มคางที่สั้นหรือตัด ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีมิติมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งเพื่อให้ได้ทรงสวย และคงรูปนาน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ค่อนข้างนานสูงสุดถึง 2 ปีเลยทีเดียว
เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม คืนใบหน้าสดใสอ่อนเยาว์ เต็มอิ่มกลับมาอีกครั้ง เหมาะกับผู้มีปัญหาร่องแก้มเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เริ่มต้นที่ 2 ซีซีขึ้นไป ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ราว ๆ 6 – 12 เดือน
เป็นการฉีดฟิลเลอร์เนื้อกลาง หรือแข็งเข้าไปบริเวณสันจมูก หรือปลายจมูก เพื่อปรับรูปทรงให้ดูโด่ง เรียว หรือสมส่วนมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้จะเริ่มต้นที่ 1 ซีซี หลังฉีดเราจะเห็นผลลัพธ์ทันที และคงอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยแก้ไขปัญหาขมับตอบ ขมับลึก ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เรียว หรือกลมขึ้น ใบหน้ากลับมาดูมีน้ำมีนวลและอ่อนเยาว์ หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้หน้าผากดูสมส่วน แก้ปัญหาหน้าผากไม่เรียบ หน้าผากยุบ รวมไปถึงริ้วรอยแห่งวัยบนหน้าผาก หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
ไม่เสมอไป เพราะการฉีดฟิลเลอร์สามารถเติมได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการ และความเหมาะสม แต่เราแนะนำว่าควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
ได้ เราไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดิมเสมอไป เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น มีจุดเด่นแตกต่างกันไป หากเราไม่มั่นใจว่าควรเลือกยี่ห้อไหน สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้โดยตรง
ไม่จริง กลับกันเลยต่างหาก บริเวณที่เราเคยฉีดฟิลเลอร์ไว้ จะมีสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่งผลให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิวเพิ่มขึ้น แม้ฟิลเลอร์จะสลายไป แต่คอลลาเจน กับอิลาสตินจะยังทำงานอยู่ในร่างกายเหมือนเดิม