Filler คือ สารเติมเต็มมีหลายชนิด แบ่งเป็น กลุ่มสารเติมเต็มตามธรรมชาติซึ่งอยู่ได้ชั่วคราว และสารเติมเต็มที่เป็นสิ่งแปลกปลอม เช่น silicon ซึ่งจะอยู่ได้ถาวรในผิวหนัง แต่ที่นภัสรีย์ คลินิก เราใช้สารเติมเต็มผิวตามธรรมชาติ “Hyaluronic acid” เท่านั้น! ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราตามธรรมชาติอยู่แล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงใดๆ มีความปลอดภัยสูง ไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบการแพ้ก่อนทำการรักษา สาร Hyaluronic acid ที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาตินั้น ทำหน้าที่เก็บกักน้ำให้ผิวและรักษาช่องว่างเซลล์ผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณ Hyaluronic acid จะลดลงทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
• การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในผิวหนังบริเวณที่มีริ้วรอยเล็กๆ ริ้วรอยร่องลึก หรือบริเวณแผลเป็นหลุม จะช่วนเติมเต็มร่องหรือหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ เลือนหายไป ทำให้ผิวตึงยกกระชับ ดูอ่อนวัยเป็นธรรมชาติ ปรับรูปหน้า เสริมโหวงเฮ้ง เติมเต็ม และลดเลือนริ้วรอย นอกจากนั้นยังใช้ในการเติมเต็มริมฝีปากให้เอิบอิ่ม และปั้นแต่งรูปร่างของริมฝีปากได้
• ที่นภัสรีย์คลินิก เรามีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ ได้รับการฝึกอบรมทั้งในและนอกประเทศ และมีฟิลเลอร์หลากหลายแบรนด์ เพื่อการแก้ไขแต่ละปัญหาให้ได้ผลที่ดีที่สุด
บริเวณตำแหน่งที่นิยมฉีด Filler ?
• เติมเต็มร่องแก้มให้เรียบเนียน
• ยกกระชับแก้มห้อยหรือแก้มตก
• รอยตีนกา ร่องลึกที่หน้าผาก
• เติมเต็มบริเวณใบหน้าส่วนต่างๆให้ดูเต็มอิ่ม เช่น แก้มตอบ ใต้ตาลึก
• เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม รักษาริ้วรอยเล็กๆ รอบริมฝีปากทั้งบนและล่าง
• เติมเต็มบริเวณรอยขมวดคิ้ว ช่องระหว่างตาหรือหัวคิ้ว
• เติมแผลเป็นหลุม รอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส และแผลเป็น
• ในกรณีที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมจมูกสามารถนำมาเติมเต็มจมูกให้โด่ง ได้รูปสวยดูมีมิติเพิ่มขึ้นได้
• เติมเต็มให้คางดูยาวได้รูปมากขึ้น
ความรู้สึกขณะที่ฉีด filler เป็นอย่างไร ?
การฉีด Filler ทำโดยการใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก ความเจ็บจึงมีไม่มากนัก แต่จำเป็นต้องทายาชาบนผิวก่อนทำการฉีด filler เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นขณะทำการรักษา แต่บางบริเวณอาจต้องใช้ยาชาฉีดร่วมด้วย เช่น บริเวณรอยร่องแก้ม
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ ?
• 1-2 วันก่อนการฉีดสารโบทูลินั่มทอกซินชนิด เอ (Botulinum toxin type A) ให้หยุดใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ AHA และสครับขัดหน้า
• ก่อนการฉีด 1 สัปดาห์ ห้ามรับประทานยาลดการอักเสบ และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin หรือ แอสไพริน งดวิตามินอี น้ำมันปลา จิงโกะ เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
• งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
• ถ้ามีประวัติโรคเริมบริเวณริมฝีปาก หรือประวิติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนการรักษา
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ ?
• หลังฉีดทันทีไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
• ในช่วง 4 วันแรก ควรดื่มน้ำสะอาด 8-16 แก้ว เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำให้กับฟิลเลอร์ ผิวจะยืดหยุ่น เต่งตึง
• ประคบเย็นในบริเวณที่ฉีด
• ภายใน 2 วันหลังฉีด งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดออกกำลังกายอย่างหนัก
• ภายใน 2 สัปดาห์แรก งดซาวน่า อบหน้า นวดหน้า กรอผิว wax หน้า ลอกหน้าโดยใช้ AHA การทำ Microdermabrasion การทำLaser ทุกชนิด และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
• หลังฉีดเสร็จบริเวณที่ฉีดจะมีอาการบวมตึงหรือแดงเล็กน้อยประมาณ 1-2 วัน บางรายอาจคลำพบก้อนเล็กๆ บริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปเองประมาณ 1-4 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดูดน้ำจากหลอดดูด การจูบ เมื่อฉีดที่ริมฝีปาก 2 วัน หลังจากฉีด
สามารถฉีด Filler ในครั้งต่อไปได้เมื่อไร ?
สารเติมเต็มผิวตามธรรมชาติ “Hyaluronic acid” นี้มีความคงตัว ใช้ปรับแต่งหรือเติมเต็มผิวได้ตามต้องการ เมื่อได้รูปแล้วก็จะคงตัวอยู่ และจะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาเนื้อเยื่อยึดเกาะถาวรเหมือนพวกซิลิโคนเหลว ส่วนระยะเวลาของการสูญสลาย จะคงอยู่ได้นาน 4 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับแบรนด์ของฟิลเลอร์ที่ใช้และบริเวณที่ฉีด การฉีด filler สามารถกลับมาฉีดเพิ่มได้เรื่อยๆ เมื่อผู้รับการรักษารู้ว่า filler เดิมเริ่มลดลง Filler เป็นสารที่ใช้แล้วหมดไปไม่ตกค้างเป็นสารพิษในผิว ดังนั้นจึงฉีดเพิ่มเติมได้ตลอดเมื่อต้องการ
นภัสรีย์ คลินิกมี Filler หลายแบรนด์ ซึ่งผ่านการรับรองว่าปลอดภัยจาก US FDA และ Thai FDA เพื่อการแก้ไขแต่ละปัญหาที่แตกต่างกันให้ได้ผลที่ดีที่สุดและเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะ Filler แต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ต่างกัน และเหมาะกับการแก้ปัญหาที่ต่างกัน ทั้งนี้นภัสรีย์คลินิก ใช้ฟิลเลอร์จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฏหมาย (สามารถตรวจสอบประกาศนียบัตรรับรองได้ที่คลินิก)
1. Juvederm® Voluma™ ฟิลเลอร์โวลูม่า จากบริษัท Allergan สหรัฐอเมริกาที่ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปลอดภัย ไม่เจ็บ เนื่องจากมียาชาผสมในตัว ให้ผลการเติมเต็มที่ดีกว่าทุกชนิด ทั้งในบริเวณร่องแก้ม ร่องลึกต่างๆ เติมบริเวณขมับ หรือในคนที่มีหน้าตอบ เป็นการเติมเต็ม และปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งรูปหน้าให้ได้ตามต้องการ เช่น การฉีดเสริมจมูก หรือเสริมคาง ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดดูสวยงามมีความสมดุลของใบหน้ามากขึ้น ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ปี
2. Juvederm® Ultra Plus XC จากบริษัท Allergan สหรัฐอเมริกาที่อยู่ได้นานถึง 1 ปี มียาชาผสม ที่สำคัญไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย สามารถฉีดได้หลายบริเวณทั้งร่องน้ำตาลึก เน้นการเติมเต็มในบริเวณร่องแก้ม ร่องลึกต่างๆ เติมบริเวณขมับ หรือในคนที่มีหน้าตอบ เป็นการเติมเต็ม และปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งรูปหน้าให้ได้ตามต้องการ เช่น การฉีดเสริมจมูก หรือเสริมคาง ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดดูสวยงามมีความสมดุลของใบหน้ามากขึ้น ได้ผลดีมาก ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานสูงสุด 12 เดือน
3. Juvederm® Volbella™ เน้นการเติมเต็มในบริเวณใต้ตา ให้ดูอ่อนนุ่ม และริมฝีปากให้ดูเอิบอิ่ม ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดสารชนิดนี้ดูเป็นธรรมชาติ มีน้ำมีนวล ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานสูงสุด 12 เดือน
เหนือกว่า Filler hyaluronic acid ทั่วไปกับ Juvederm® ในขบวนการผลิตมีการผสมยาชา เข้าไปในโมเลกุลของ hyaluronic acid เรียบร้อย ทำให้ขณะฉีดมีความรู้สึกเจ็บน้อยลงมาก จนแทบไม่รู้สึกเลย คนไข้จะรู้สึกสบายมากขึ้นโมเลกุลของ hyaluronic acid ที่เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แขวนลอยอยู่กับตัวนำพาเหมือน fillers ตัวอื่นๆ ข้อได้เปรียบนี้ทำให้ Juvederm อยู่ได้นานขึ้นไม่สลายออกจากผิวหนังเราเร็วเกินไปนัก รวมถึงลดโอกาสการเกิดก้อน หรือผิวไม่เรียบหลังฉีดรวมทั้งความรู้สึกไม่เป็นเนื้อเดียวกันกับผิวใน บริเวณที่ฉีดได้
Juvederm ลดโอกาสการกระจายตัวหรือไหลออกไปสู่บริเวณข้างเคียงได้ค่อนข้างมากกว่า และทำให้ใช้ยาปริมาณน้อยลงเนื่องจากไม่ได้ยุบลงหลังฉีดมากเหมือน fillers ตัวอื่น และได้ผลการรักษาที่สวยงามมากขึ้น
Juvederm มีความเข้มข้นของปริมาณ hyaluronic acid ต่อ 1มิลลิลิตร (mL) ในปริมาณที่มากกว่า fillers ตัวอื่น
4Restylane® Skinboosters™ จากบริษัท Galderma Switzerland
Skinboosters™
 คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้า ด้วยกระบวนการของเทคโนโลยีสมัยใหม่ Non Animal Stabilize Hyaluronic Acid หรือ NASHA ที่ทำให้ได้เจลไฮยาลูโรนิคแอซิดซึ่งสมบัติใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด มีขนาดของโมเลกุลที่เล็กมาก และมีความคงตัวจึงสามารถคงอยู่ในผิวให้ความชุ่มชื่นได้เป็นระยะเวลานาน ออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้และคงความชุ่มชื่นต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ผิวบวม หรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป โดยผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้กระจายทั่วใบหน้า เพื่อช่วยเสริมสร้างการเก็บกักน้ำในผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น และดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์
มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้าบริเวณดังต่อไปนี้
• หน้าผาก : ช่วยลดริ้วรอยที่เป็นเส้น ๆ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
• บริเวณรอบดวงตา : ลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตา
• บริเวณทั่วใบหน้า : ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวดูเรียบเนียน
• รอยหลุมสิว : ทำให้รอยหลุมสิวดูตื้นขึ้น เรียบเนียน
• บริเวณรอบริมฝีปาก : ลดเลือนรอยเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก
• คอและบริเวณเนินอก : ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น
• มือ : ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียน มีความชุ่มชื้นและกระชับมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผ่านการรับรองจากกลุ่มประเทศในเครือสหภาพยุโรป
Q : หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว เป็นสัปดาห์หรือแม้กระทั้งหลายเดือน เพิ่งเห็นขึ้นมาเป็นก้อน
A : ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นปัญหาที่เจอได้บ่อยที่สุดปัญหาหนึ่ง ปัจจัยของการเกิดก้อนนั้นสามารถแบ่งให้เข้าใจง่ายๆได้ 3 อย่างคือ
1. ชนิดของfiller  เนื่องจากชนิดของฟิลเลอร์นั้นมีหลาย โมเลกุลเลกุลเล็ก ใหญ่ ค่าความอุ้มน้ำ ความแข็ง ความยืดหยุ่น แตกต่างกัน เหมาะกับแต่ละบริเวณ และเหมาะกับผิวที่แตกต่างกัน
ดังนั้นหากเราเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับผิว หรือบริเวณที่จะเติม อาจทำให้มีปัญหาเรื่องก้อนได้การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. การติดเชื้อบริเวณอื่นของร่างกาย ในบางราย(พบเป็นส่วนน้อยมาก) เมื่อมีการติดเชื้ออื่นๆ เช่น เป็นไข้หวัด เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก ท้องเสีย แล้วพบว่าบริเวณที่เติมฟิลเลอร์บวมขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายพยายามทำลายเชื้อโรค แล้วร่างกายเข้าใจผิดว่าบางส่วนของฟิลเลอร์เป็นกลุ่มเดียวกับเชื้อโรคนั้น จึงมีอาการบวมได้ในบางคนแต่พบน้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อร่างกายสามารถควบคุมเชื้อโรคได้ อาการบวมก็จะค่อยๆยุบลง
3. กล้ามเนื้อ โดยคนไข้แต่ละคนมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าไม่เท่ากัน เช่น บางคนมีกล้ามเนื้อใต้ตาบริเวณใกล้หัวตาที่แข็งแรงมาก เมื่อเติมฟิลเลอเข้าไป ทำให้กล้ามเนื้อดันฟิลเลอร์เข้ามารวมกันเป็นก้อนได้ อาจจะต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้วิธีอื่นเช่น โบท็อก ร่วมด้วย
4. การทานของเค็ม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส้มตำ ปลาร้า จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ได้มากกว่าปกติ เมื่อร่างกายมีน้ำเยอะ ฟิลเลอร์ก็จะดูดซึมน้ำได้เยอะ ทำให้เห็นเป็นก้อนบวมขึ้นมาค่ะ
5. เทคนิคการฉีด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ หากเลือกใช้เทคนิคที่ถูกต้อง วางผิลเลอร์มนชั้นผิวที่ถูกต้องจะช่วยลดปัญหาการเกิดก้อนหลังเติมฟิลเลอร์ได้
ที่นภัสรีย์คลินิก เรามีฟิลเลอร์หลายรุ่น หลายแบรนด์  มีทีมแพทย์ที่เป็นอาจารย์แพทย์ผู้สอนแพทย์ และทีมแพทย์อีกหลายท่านที่คอยอัพเดตเทคนิคการฉีดตลอด ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะ ว่าฉีดออกมาแล้วสวย เรียบเรียนเป็นธรรมชาติแน่นอน

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี