จัดการไขมันตัวร้ายให้อยู่หมัดด้วยความเย็นติดลบ –11°C กับ โปรแกรม CoolSculpting
ทรีทเมนท์ตัวดังที่ผู้รับบริการไว้วางใจจากทั่วโลกกว่า 8,000,000 ราย

      ไขมันส่วนเกินเป็นสิ่งที่กำจัดยากมาก ๆ อย่างหนึ่งในร่างกายเรา โดยเฉพาะในผู้หญิงจะมีความกังวลในเรื่องไขมันส่วนเกินเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะออกกำลังกาย หรือพยามคุมอาหารอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีไขมันบางส่วนที่ไม่หมดสิ้นไปสักที หากจะปล่อยเอาไว้ก็อาจจะก่อให้เกิดไขมันสะสมได้ในที่สุด แต่ปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีวิวัฒนาการไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการนวดสลายไขมัน เครื่องสร้างซิกแพค เครื่องกำจัดไขมันด้วยเลเซอร์ แต่อีกหนึ่งโปรแกรมที่เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับจากแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ถูกวิจัยแล้วว่าลดไขมันได้จริง เห็นผลลัพธ์ชัดเจน นั่นก็คือ  โปรแกรม CoolSculpting” ทรีทเมนต์ที่กำจัดไขมันด้วยความเย็นแบบองศาติดลบ

 

โปรแกรม CoolSculpting คืออะไร ? 

โปรแกรม CoolSculpting คือ การสลายไขมันด้วยความเย็น โดยจะแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันเท่านั้น เนื่องจากเซลล์ไขมันจะพิเศษคือไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ Coolsculpting ใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด Coolsculpting เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในขณะนี้ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกอย่าง US FDA (Food and Drug Administration) และมีผลงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ในการลดไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน มีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับการกำจัดไขมันวิธีอื่น ๆ

โปรแกรม CoolSculpting เห็นผลแค่ไหน ? 

โปรแกรม CoolSculpting เป็นนวัตกรรมที่ช่วยกำจัดไขมันด้วยพลังงานความเย็นแบบติดลบ -11°Cเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยในการทำจะใช้เวลาประมาณ 35 – 45 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ในร่างกาย โดยผลลัพธ์ที่ได้ในการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณที่ทำได้ 20 – 30% ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและไขมันสะสมของแต่ละบุคคลด้วย ผู้ที่ทำ Coolsculpting จะรู้สึกถึงผลลัพธ์หลังทำ        ใน 1 – 3 เดือน โดยจะรู้สึกว่าไขมันที่บีบจับได้ในปริมาณมากจะบีบได้เล็กลง เนื่องจากชั้นไขมันในบริเวณนั้นบางลง อาทิตย์แรกหลังทำ จะบวมในจุดที่เซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ เพราะร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือด และระบบน้ำเหลือง และอาจจะต้องมีเวลาพักฟื้นเพราะหลังทำอาจจะมีอาการปวด หรือ ระบม โดยประมาณ 7-10 วัน

โปรแกรม CoolSculpting มีกี่หัว แต่ละหัวต่างกันอย่างไร?

โปรแกรม CoolSculpting รุ่นใหม่ล่าสุดจะมีทั้งหมด 5 หัว โดยใช้หัวสุญญากาศเป็นแรงดูด ทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อยลง ได้ผลลัพธ์ชัดเจน และสามารถช่วยลดไขมันได้มากขึ้น ทำได้เกือบทั้งร่างกาย
  1. CoolAdvantage เป็นหัวที่เป็นตัวหลักได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ประมาณ 7 จุด ได้แก่ ท้อง, เอว, แขน, หน้าอกผู้ชาย, ขาด้านใน, ปีกหลัง, ใต้บั้นท้าย
  2. CoolAdvantage Petite เป็นหัวที่ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันไม่หนามาก คนตัวเล็ก ร่างกายเล็ก
  3. Cool Mini เป็นหัวที่มีขนาดเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณเหนียง ไขมันบริเวณใต้รักแร้ เนื้อย้วยเหนือเข่าสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายไม่ได้
  4. Cool Advantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณกว้าง ๆ ได้แก่ เอว ท้อง เป็นต้น
  5. Cool Smooth Pro เป็นหัวที่ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา

โปรแกรม CoolSculpting มีกี่หัว แต่ละหัวต่างกันอย่างไร?

โปรแกรม CoolSculpting รุ่นใหม่ล่าสุดจะมีทั้งหมด 5 หัว โดยใช้หัวสุญญากาศเป็นแรงดูด ทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อยลง ได้ผลลัพธ์ชัดเจน และสามารถช่วยลดไขมันได้มากขึ้น ทำได้เกือบทั้งร่างกาย
1. CoolAdvantage เป็นหัวที่เป็นตัวหลักได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ประมาณ 7 จุด ได้แก่ ท้อง, เอว, แขน, หน้าอกผู้ชาย, ขาด้านใน, ปีกหลัง, ใต้บั้นท้าย
2. CoolAdvantage Petite เป็นหัวที่ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันไม่หนามาก คนตัวเล็ก ร่างกายเล็ก
3. Cool Mini เป็นหัวที่มีขนาดเล็ก ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณเหนียง ไขมันบริเวณใต้รักแร้ เนื้อย้วยเหนือเข่าสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายไม่ได้
4. Cool Advantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณกว้าง ๆ ได้แก่ เอว ท้อง เป็นต้น
5. Cool Smooth Pro เป็นหัวที่ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา

ข้อดีของการทำโปรแกรม CoolSculpting 

1. โปรแกรม Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นติดลบ -11°C
2. ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
3. ไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็นเลย
4. CoolSculpting มีระบบ Freeze detect คือเครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป
5. เซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดด้วยพลังงานความจะตายแบบถาวร และ ถูกขับออกตามร่างกายตามธรรมชาติ
6. เห็นผลลัพธ์หลังทำชัดเจน 20-30% และ เห็นผลลัพธ์เต็มที่ในช่วง 1-3 เดือน
7. ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ เพราะเหมือนการทำทรีทเมนท์ทั่วไป สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำได้ตามปกติ

โปรแกรม COOLSCULPTING ทำบริเวณไหนได้บ้าง

โปรแกรม CoolSculpting เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุด โดยแต่ละจุดจะใช้หัวในการทำที่แตกต่างกัน สามารถทำได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย ดังนี้

1. บริเวณหน้าท้อง
2.บริเวณเอว
3.บริเวณปีกหลัง
4.บริเวณขาด้านใน
5. บริเวณบั้นท้าย
6. บริเวณหน้าอก (ผู้ชาย)
7. บริเวณสะโพก
8. บริเวณต้นแขน
9. บริเวณต้นขาด้านนอก
10. บริเวณหัวเข่า
11. บริเวณเหนียง

 

 

 

ทำไมต้องทำโปรแกรม CoolSculpting ที่ นภัสรีย์ คลินิก

1. ดูแลโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ และ ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับทำโปรแกรมCoolsculpting โดยเฉพาะ อย่างใกล้ชิด
2. แพทย์ประเมิน วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
3. เครื่อง CoolSculpting ของแท้ จากบริษัทโดยตรง สามารถตรวจสอบได้
4. ลดไขมันได้จริง เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง ไม่เกิดบาดแผล

โปรแกรม Coolsculpting เมื่อเทียบกับโปรแกรมกำจัดไขมันอื่น ๆ

 1.  โปรแกรม CoolSculpting คือการกำจัดไขมันด้วยความเย็นติดลบ -11°C ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล เนื่องจากการทำ CoolSculpting จะเป็นการติดเครื่องมือไว้บนผิวหนังและส่งความเย็นลงไปยังชั้นไขมัน เป็นเวลา 35 – 45 นาที เซลล์ไขมันที่มีความไวต่อความเย็นถูกทำให้ตายลง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ในร่างกาย หลังจากนั้นเซลล์ที่ตายก็จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านกลไกของร่างกาย และไม่ต้องพักฟื้น นอกจากนี้ CoolSculpting ยังสามารถกลับมาทำซ้ำได้ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐาน
2. โปรแกรมดูดไขมัน เป็นวิธีการกำจัดไขมันที่ต้องทำการผ่าตัดเพื่อเปิดแผล และสอดท่ออุปกรณ์สุญญากาศเข้าไป เพื่อทำการดูดไขมัน โดยจะได้ไขมันออกมาเป็นจำนวนมากภายในครั้งเดียว แต่หากแพทย์ผู้ทำไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจดูดไขมันออกได้ไม่หมด และทำให้ผิวมีลักษณะเป็นคลื่นดูไม่สวยงาม หรืออาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำบริเวณที่ดูดไขมันได้ อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้อีกด้วย
3. โปรแกรม Thermage หลายคนอาจคิดว่าการทำ Thermage สามารถช่วยลดสัดส่วนหรือไขมันบริเวณที่กังวลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำ Thermage เป็นเพียงแค่การยกกระชับผิวเสียมากกว่า เน้นในเรื่องช่วยยกกระชับ ถึงแม้จะช่วยสลายไขมันได้แต่ก็เพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ตอบโจทย์กับคนที่มีปริมาณไขมันส่วนเกินเป็นจำนวนมากหรือบุคคลที่มีร่างกายใหญ่
4. โปรแกรมเครื่องนวด RF เครื่องนวด RF จะให้พลังงานความร้อนลงเข้าสู่ผิว เมื่อผิวเราโดนความร้อนก็จะเกิดการหดตัว ผิวอาจจะเกิดความเฟิร์มกระชับขึ้น เซลล์ไขมันใต้ผิวหนังถูกทำลายลง และถูกขับผ่านออกมาตามระบบไหลเวียนของร่างกายตามธรรมชาติ เครื่องนี้ดูผิวเผินอาจจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับกำจัดไขมัน แต่ก็มีข้อเสีย เพราะอาจทำให้เกิดการผิวไหม้แผลเบิร์น หรือ ไม่ค่อยสบายตัวขณะที่ทำ เนื่องจากให้พลังงานความร้อนนานประมาณ 20-30 นาที บางคนอาจจะทนไม่ไหว
5. โปรแกรมการนวดด้วยเครื่องทั่วไป โปรแกรมนี้เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้เครื่องนวดเพื่อลดสัดส่วนนั้นจะช่วยกระชับผิวได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากเครื่องจะปล่อยคลื่นพลังงานออกมากำจัดน้ำส่วนเกินบริเวณที่นวด เมื่อเวลาผ่านไปก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเซลล์ไขมันไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
หากสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาไขมันส่วนเกิน ต้องการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วน สมส่วนมากยิ่งขึ้น ออกกำลัง หรือ คุมอาหารแล้วก็ยังไม่เห็นผลสักที ก็สามารถใช้เครื่องมือทางการแพทย์ในการช่วยลดไขมันส่วนเกินอย่างตรงจุดได้ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับโปรแกรมไหน ตีวไหนถึงจะดีสุด สามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ นภัสรีย์ คลินิก ได้เลย ยินดีให้บริการทุก ๆ ท่าน

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ 
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

 

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

สาขา บางนา

ชั้น 2 โครงการดีไซน์ วิลเลจ สาขาบางนา

(จอดรถในตึกฟรี)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี