วิธีเลือก และสังเกต คลินิกความงาม ที่มีมาตรฐาน และปลอดภัย

วิธีเลือก และสังเกต คลินิกความงาม ที่มีมาตรฐาน และปลอดภัย

การตัดสินใจทำศัลยกรรมหรือรักษาความงาม เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย ดังนั้น การเลือกคลินิกความงามที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัย ต่อไปนี้คือวิธีการเลือกและสังเกตคลินิกความงามที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ส่วนจะเลือกแบบไหนนั้น เรามีวิธีมาฝาก

ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล

การตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลก่อนตัดสินใจใช้บริการเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นการยืนยันว่าสถานพยาบาลนั้นได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีมาตรฐานในการให้บริการที่น่าเชื่อถือ

  • สิ่งสำคัญที่สุด คลินิกความงามทุกแห่งต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ซึ่งออกให้โดยกระทรวงสาธารณสุข
  • ขอสำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากคลินิกเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ชื่อสถานพยาบาล ที่อยู่ ประเภทของบริการที่ได้รับอนุญาต และระยะเวลาที่ใบอนุญาตมีผลบังคับใช้
  • สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ผู้ทำการรักษา อุปกรณ์ที่ใช้ และมาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก

แพทย์ผู้ทำหัตถการต้องมีใบประกอบวิชาชีพ

การทำหัตถการทางการแพทย์ เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้เข้ารับบริการควรทราบคือ แพทย์ที่ทำหัตถการต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าแพทย์ท่านนั้นได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาลว่ามีความรู้ ความสามารถ และผ่านการศึกษาฝึกอบรมมาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

  • ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ที่ทำการรักษาต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง
  • สอบถามประสบการณ์ ควรสอบถามประสบการณ์ในการทำหัตถการหรือศัลยกรรมที่คุณสนใจ
  • ปรึกษาหลาย ๆ ท่าน ปรึกษาความคิดเห็นจากแพทย์หลาย ๆ ท่าน เพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจ

สภาพแวดล้อมของคลินิกความงาม

สภาพแวดล้อมของคลินิกความงามนั้นมีผลต่อความรู้สึก และความมั่นใจของผู้เข้ารับบริการเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นตัวบ่งบอกถึงมาตรฐาน และความใส่ใจของคลินิกต่อสุขอนามัยและความปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกความงาม สิ่งสำคัญคือการสังเกตสภาพแวดล้อมของคลินิกให้รอบคอบ เช่น

  • คลินิกควรมีความสะอาด จัดสรรพื้นที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ปราศจากเชื้อโรค
  • อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ต้องได้มาตรฐาน สะอาด และถูกสุขลักษณะ

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

สิ่งสำคัญที่นำมาเป็นเหตุผลในการเลือกคลินิกความงานนั้น อันดับหนึ่งเลย คือ รีวิวจากผู้ใช้บริการจริงของคลินิกความงาม เพื่อเปรียบเสมือนเสียงสะท้อนที่บอกเล่าประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับบริการ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกคลินิกความงาม ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และรอบด้านมากขึ้น ซึ่งรีวิวเราสามารถค้นหาได้จากแหล่งที่มาตามคอมมูนิตี้ความงามต่าง ๆ และอย่าลืมอ่านรีวิวหลาย ๆ ที่ เพราะการอ่านรีวิวจากหลากหลายแหล่ง เช่น เว็บไซต์ของคลินิกโซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์รีวิวต่าง ๆ ก็สามารถช่วยให้เราตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญควรระวังรีวิวปลอม ซึ่งเหตุผลที่ควรให้ความสำคัญกับรีวิวมีดังนี้

  • ความน่าเชื่อถือ รีวิวจากผู้ใช้จริงมักจะให้ข้อมูลที่เป็นกลางและตรงไปตรงมา ไม่มีความลำเอียงเหมือนกับการโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับ
  • ภาพรวมของบริการ รีวิวจะช่วยให้เห็นภาพรวมของบริการที่คลินิกนั้น ๆ ให้ เช่น บรรยากาศคลินิก การบริการของพนักงาน ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ และปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  • เปรียบเทียบคลินิก การอ่านรีวิวจากหลาย ๆ คลินิกจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละคลินิก และเลือกคลินิกที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้มากที่สุด
  • ความคาดหวังที่สมจริง รีวิวจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่สมจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการทำหัตถการ ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริง
  • ข้อควรระวัง รีวิวบางส่วนอาจมีการจ้างวานให้เขียนเพื่อโปรโมทคลินิก ดังนั้นควรอ่านรีวิวจากหลาย ๆ แหล่งและพิจารณาอย่างรอบคอบ

ราคาและโปรโมชั่น

ราคาและโปรโมชั่นของคลินิกความงาม เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ แต่การเลือกเพียงเพราะราคาถูกอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป มาดูกันว่าเราควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อเจอราคาและโปรโมชั่นของคลินิกความงาม

  • ราคาสมเหตุสมผล ราคาที่ถูกเกินไปอาจบ่งบอกถึงคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • โปรโมชั่นที่น่าสนใจ ควรเปรียบเทียบโปรโมชั่นจากหลาย ๆ คลินิก
  • อย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นมากเกินไป ควรพิจารณาคุณภาพของบริการเป็นหลัก

การให้คำปรึกษาของคลินิกความงาม

การให้คำปรึกษาของคลินิกความงาม เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาผิวหรือสภาพร่างกายของคุณได้ดียิ่งขึ้น และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจ และความปลอดภัยในการทำหัตถการ ดังนั้นการให้คำปรึกษาที่ดีจึงเป็นสิ่งที่คุณควรได้รับจากคลินิกความงาม

  • แพทย์ให้คำปรึกษาอย่างละเอียด แพทย์ควรให้คำแนะนำและตอบข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมา
  • อธิบายถึงความเสี่ยง แพทย์ควรแจ้งถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตถการหรือศัลยกรรม

การดูแลหลังการรักษา

การดูแลหลังการรักษาเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ในการช่วยให้ผลลัพธ์ของการรักษาออกมาดีที่สุด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ คลินิกความงามที่ดีควรให้คำแนะนำในการดูแลหลังการรักษาอย่างละเอียดและชัดเจน

  • มีการติดตามผล คลินิกควรมีการติดตามผลหลังการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • มีการให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง แพทย์ควรให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการรักษา

ข้อควรระวังเพิ่มเติม:

  • อย่าตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว: คุณภาพของบริการสำคัญกว่าราคาเสมอ
  • ปรึกษาคนใกล้ชิด: ปรึกษาความคิดเห็นจากคนใกล้ชิดก่อนตัดสินใจ
  • เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง: คลินิกที่มีชื่อเสียงมักจะมีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือมากกว่า
  • อย่ากลัวที่จะถาม: ถามทุกข้อสงสัยให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
  • ดังนั้น การเลือกคลินิกความงามที่ดีเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เปรียบเทียบหลาย ๆ คลินิก และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัย

อ้างอิง 
khaosod
thairath

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ร้อยไหมจมูก อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อจมูกสวยพุ่งแบบไม่พึ่งศัลยกรรม

ร้อยไหมจมูก อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อจมูกสวยพุ่งแบบไม่พึ่งศัลยกรรม

อยากมีจมูกสวยโด่งเป็นสันแบบไม่ต้องผ่าตัด การร้อยไหมจมูก อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา! เทคนิคนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นทางเลือกที่ง่าย สะดวก และเห็นผลรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของจมูกให้สวยงามขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด แล้วอยากรู้ว่าหัตถการนี้ดึง และยกเนื้อเยื่อให้จมูกดูโด่งมีมิติ และได้รูปทรงตามที่ต้องการได้อย่างไร มีข้อควรรู้อะไรบ้าง ไปทำความรู้จักพร้อมกันได้เลย

ร้อยไหมจมูกคืออะไร?

การร้อยไหมจมูกเป็นการนำเส้นไหมที่ทำจากวัสดุที่สามารถละลายได้ตามธรรมชาติ เช่น PDO (Polydioxanone) มาสอดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณจมูก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบการร้อยให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการร้อยไหมจมูก เสริมจมูกสวยโด่ง ไม่ต้องผ่าตัด

  • ไม่ต้องผ่าตัด เป็นการรักษาที่ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด จึงมีความปลอดภัยสูงและไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • เห็นผลเร็ว ผลลัพธ์หลังการร้อยไหมจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนทันที และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เส้นไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวบริเวณจมูกมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ปรับรูปทรงจมูกได้หลากหลาย สามารถปรับรูปทรงของจมูกได้หลายแบบ เช่น ยกปลายจมูกให้เชิดขึ้น ทำให้สันจมูกดูคมชัด หรือปรับปีกจมูกให้เล็กลง
  • ไม่ทิ้งรอยแผล เนื่องจากเป็นการร้อยไหม จึงไม่มีแผลเป็นให้กังวล
  • ฟื้นตัวเร็ว หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องการพักฟื้นนาน ๆ
  • ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหมจมูกจะน้อยกว่าการผ่าตัดเสริมจมูก

ร้อยไหมจมูก เหมาะสำหรับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงจมูกเล็กน้อย เช่น ปลายจมูกไม่เชิด สันจมูกไม่คม หรือต้องการปรับปีกจมูกให้เล็กลง การร้อยไหมสามารถช่วยปรับรูปทรงเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่กลัวการผ่าตัด การร้อยไหมเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บปวดหรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
  • ผู้ที่มีเวลาน้อย การร้อยไหมใช้เวลาในการทำไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนหลังทำทันที
  • ผู้ที่มีฐานจมูกอยู่แล้ว การร้อยไหมจะช่วยเสริมฐานจมูกเดิมให้ดูโด่งขึ้นและมีมิติมากขึ้น

ใครไม่เหมาะกับการร้อยไหมจมูก?

เพราะอย่างที่บอกว่า การร้อยไหมจมูกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม ในการปรับรูปทรงจมูกให้ดูโด่งสวยขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ไม่เหมาะกับการทำ  มาดูกันว่าใครบ้างที่ไม่ควรทำร้อยไหมจมูก

  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเลือดออกง่าย โรคเบาหวาน ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
  • ผู้ที่แพ้ไหม หากแพ้ไหมที่ใช้ในการร้อย อาจเกิดอาการแพ้ อักเสบ หรือติดเชื้อได้
  • ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์มากเกินไป การร้อยไหมจมูกจะช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูดีขึ้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร เนื่องจากไหมที่ใช้จะค่อย ๆ ละลายไป ผลลัพธ์จึงไม่ถาวร

อยากร้อยไหมจมูกต้องทำอย่างไร?

การร้อยไหมจมูกมีขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็ว แต่ก่อนตัดสินใจทำ ควรทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะทำการประเมินสภาพจมูกของคุณว่าเหมาะกับการร้อยไหมหรือไม่ และจะแนะนำชนิดของไหมที่เหมาะสมกับสภาพผิวและโครงสร้างจมูกของคุณ
  • ทำความสะอาดและวางแผน แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณจมูก และวางแผนตำแหน่งที่จะร้อยไหม
  • ฉีดยาชา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการทำ
  • ร้อยไหม แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนังจมูกตามแผนที่วางไว้
  • ประคบเย็น หลังทำจะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำ

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมจมูก

หลังจากทำการร้อยไหมจมูกแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน รวมถึงลดอาการบวมช้ำและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งสิ่งที่ควรทำหลังร้อยไหมจมูกมีดังนี้

  • ประคบเย็น ช่วยลดอาการบวมและอาการปวด โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแข็งห่อแล้วประคบเบา ๆ บริเวณที่ทำประมาณ 15-20 นาที ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังร้อยไหมจมูก

  • ควรงดการนวดหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • ควรงดการแต่งหน้าในบริเวณที่ทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ควรงดการทำทรีตเมนต์ใบหน้าทุกชนิดเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังร้อยไหมจมูก

โดยทั่วไปอาการบวมช้ำจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเห็นได้หลังจาก 1-2 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดมาก มีเลือดออก หรือมีไข้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ดังนั้น การร้อยไหมจมูกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของจมูกให้สวยงามขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสรีระของตนเอง

อ้างอิง
vsquareclinic
dequeensthailand

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

อยากหน้าเด็ก แก้มดูเต็มไม่ผอมตอบ ฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยได้ไหม

อยากหน้าเด็ก แก้มดูเต็มไม่ผอมตอบ ฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยได้ไหม

ปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบ เป็นเรื่องที่กวนใจใครหลายคน เพราะทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย การเติมฟิลเลอร์แก้มส้ม จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่ง ฟิลเลอร์แก้มส้ม หรือ Mid-cheek Filler เป็นขั้นตอนการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลายประการ โดยเฉพาะปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบ ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย หากใครอยากรู้ว่าฟิลเลอร์แก้มส้ม จะช่วยเปลี่ยนใบหน้าของคุณยังไงบ้าง? ตามมาดูกันเลย!

ฟิลเลอร์แก้มส้มคืออะไร?

ฟิลเลอร์แก้มส้ม หรือ Mid-cheek Filler คือการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณหน้าแก้ม เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทำให้แก้มดูอิ่มฟู ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น และยังช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย

ฟิลเลอร์แก้มส้มช่วยอะไรได้บ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าที่ดูโทรม แก้มตอบ แก้มยุบแล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าทำไมถึงควรเลือกฟิลเลอร์แก้มส้ม มาดูเหตุผลกัน

  • แก้ปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบ เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันและคอลลาเจนใต้ผิวหนังจะลดลง ทำให้แก้มยุบลง ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ช่วยให้แก้มดูอิ่มฟูขึ้น
  • ยกกระชับใบหน้า การเติมฟิลเลอร์จะช่วยให้โครงหน้าดูยกขึ้น ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ลดเลือนร่องแก้ม ร่องน้ำตา ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น
  • ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แก้มที่อิ่มฟูจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนกว่าวัย
  • เห็นผลทันที หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้น
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์จะออกมาดูเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์แก้มส้มเหมาะกับใคร?

ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครหลายคนที่อยากปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และมีมิติมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับแก้ม เช่น แก้มตอบ แก้มยุบ หรือร่องแก้มลึก ซึ่งผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ได้แก่

  • ผู้ที่มีแก้มตอบ แก้มยุบ การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทำให้แก้มดูอิ่มฟูขึ้น
  • ผู้ที่มีร่องแก้ม ร่องน้ำตา ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ฟิลเลอร์จะช่วยให้โครงหน้าดูยกขึ้น ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แก้มที่อิ่มฟูจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนกว่าวัย
  • ผู้ที่มีโหนกแก้มแบนหรือโหนกแก้มสูง ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้า ฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้ ฟิลเลอร์แก้มส้มยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุล อยากแก้ไขปัญหาใบหน้าที่เกิดจากการลดน้ำหนัก และแก้ไขปัญหาใบหน้าที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น

ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์แก้มส้ม

  • เห็นผลทันที หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นผลลัพธ์ทันที ใบหน้าจะดูอิ่มฟูขึ้น แก้มดูเต็ม และมีมิติมากขึ้น
  • ไม่ต้องพักฟื้น หลังการฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ใช้เวลาในการรักษาสั้น การฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลาไม่นาน ทำให้สะดวกและประหยัดเวลา
  • ปรับรูปหน้าได้ตามต้องการ สามารถปรับปริมาณ และตำแหน่งของการฉีดให้เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลากหลาย นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบแล้ว ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม และยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อีกด้วย
  • เพิ่มความมั่นใจ การมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และมีมิติ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้คนไข้
  • ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จะมีความปลอดภัยสูง

ดังนั้นแล้วการเติมฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นนาน

การดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์แก้มส้ม เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน

การเติมฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นการปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู มีมิติมากขึ้น แต่หลังจากทำแล้วก็ต้องมีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งข้อควรปฏิบัติหลังเติมฟิลเลอร์แก้มส้มมีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด การนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง หากแพทย์มีการจ่ายยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ หรือยาปฏิชีวนะ ควรทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

ข้อควรระวัง

  • ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และปัจจัยอื่น ๆ
  • อาจมีอาการข้างเคียง หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำได้ แต่จะเป็นเพียงชั่วคราว
  • ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแล

    อ้างอิง
    aurabangkokclinic
    skinx.app

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

Ulthera Prime ดีอย่างไร? มีอะไรที่ต่างจาก อัลเทอร่า รุ่นก่อนบ้าง

Ulthera Prime ดีอย่างไร? มีอะไรที่ต่างจาก อัลเทอร่า รุ่นก่อนบ้าง

หลายคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย อยากมีใบหน้ายกกระชับ แต่ไม่อยากผ่าตัด เพราะอาจกลัวเจ็บหรือกังวลหลาย ๆ อย่าง แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางด้านความงามพัฒนาไปมาก เพราะมีวิธีการยกกระชับผิวหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัดหลายวิธีเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อัลเทอร่า (Ulthera Prime) ซึ่งเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Ulthera SPT ทำให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง โดยมีจุดเด่นและความแตกต่างกับรุ่นเดิม ส่วนจะมีอะไรบ้างมาดูกัน

จุดเด่นของ Ulthera Prime

Ulthera Prime เป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นการรักษาที่ไม่ต้องใช้เข็มหรือมีดผ่าตัด แต่ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงขึ้น โดยมีจุดเด่นดังนี้

  • ความแม่นยำสูงขึ้น ด้วยเทคโนโลยี MFU-V ทำให้สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น จึงช่วยให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวเป็นไปอย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เจ็บน้อยลง หัวทรีทเมนต์ได้รับการออกแบบมาให้มีความสบายในการทำทรีทเมนต์มากขึ้น ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเจ็บน้อยลง
  • ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวเต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน
  • ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแดงหรือรอยช้ำ
  • ครอบคลุมปัญหาผิวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิวหน้า ลำคอ หรือร่างกายก็สามารถทำได้ ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น

หลักการทำงานของอัลเทอร่า

ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปยังชั้นผิวหนัง SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่เราทำการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับชั้นผิวนี้ จะเกิดพลังงานความร้อนในจุดเล็ก ๆ หลายจุด ทำให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจน และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ขึ้นมา ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงและดูอ่อนเยาว์

Ulthera Prime ต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร?

Ulthera Prime เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Ulthera รุ่นก่อนหน้า โดยมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่ Ulthera Prime แตกต่างจากรุ่นก่อน คือ

  • หน้าจอแสดงผล Ulthera Prime มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ภาพคมชัดและละเอียดมากขึ้น แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวหนังได้อย่างชัดเจน ทำให้การวางแผนการรักษาและการยิงพลังงานมีความแม่นยำมากขึ้น
  • ระบบประมวลผล ระบบประมวลผลของ Ulthera Prime มีความเร็วสูงขึ้น ทำให้การประมวลผลข้อมูล และการยิงพลังงานรวดเร็วขึ้น ระยะเวลาในการทำหัตถการจึงลดลง และผู้รับบริการรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
  • การออกแบบเครื่อง Ulthera Prime มีการออกแบบเครื่องให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น
  • พลังงานและเทคโนโลยีหลัก แม้จะมีการปรับปรุงในส่วนของหน้าจอและระบบประมวลผล แต่พลังงานและเทคโนโลยีหลักในการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนยังคงเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว

จากทั้งหมดแล้ว Ulthera Prime เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Ulthera รุ่นก่อนหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่อง และความสะดวกสบายของผู้ใช้ ทำให้การรักษาด้วย Ulthera Prime มีความแม่นยำสูงขึ้น รวดเร็วขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่งขึ้น

Ulthera Prime เหมาะกับใคร?

Ulthera Prime เป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด เหมาะกับทุกคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย รวมไปถึงผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ยาวนาน และผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น

  • ผิวหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า คาง คอ หรือแม้กระทั่งร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน
  • มีริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม รอยตีนกา
  • คิ้วตก หางตาตก หรือความหย่อนคล้อยของขอบตาล่าง ทำให้ดวงตาดูอ่อนล้า
  • ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น กรอบหน้าชัดเจนขึ้น
  • ต้องการผิวกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ลง

ข้อดีของอัลเทอร่าเมื่อเทียบกับวิธีการยกกระชับผิวอื่น ๆ

Ulthera ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีข้อดีหลายประการเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ ดังนี้ 

  • ยกกระชับได้ลึกถึงชั้น SMAS
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
  • มีความปลอดภัยสูง
  • แก้ปัญหาได้หลากหลาย
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว
  • ทำ 1 ครั้งผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี

ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำอัลเทอร่า

  • ยกกระชับผิว ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า คาง หรือคอ จะกลับมากระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและโครงหน้าชัดเจนมากขึ้น
  • ลดริ้วรอย ริ้วรอยต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม รอยตีนกา จะดูจางลงหรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ปรับรูปหน้า ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น
  • ผิวกระชับ เต่งตึง ผิวจะรู้สึกกระชับและเต่งตึงขึ้น ผิวดูอิ่มน้ำและเปล่งปลั่ง
  • รูขุมขนกระชับ รูขุมขนจะเล็กลง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

Ulthera Prime ถือเป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างตรงจุด และเห็นผลชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น หากคุณสนใจที่จะทำทรีทเมนต์ Ulthera Prime ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

อ้างอิง
HDMall
vsqclinic

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ผอมแต่มีพุง! ลองดูวิธีกำจัดไขมันเฉพาะส่วนกับ Coolsculpting ที่ Napassaree Clinic กันไหม

ผอมแต่มีพุง! ลองดูวิธีกำจัดไขมันเฉพาะส่วนกับ Coolsculpting ที่ Napassaree Clinic กันไหม
ผอมแต่มีพุง! ลองดูวิธีกำจัดไขมันเฉพาะส่วนกับ Coolsculpting ที่ Napassaree Clinic กันไหม

ผอมแต่มีพุง! ลองดูวิธีกำจัดไขมันเฉพาะส่วนกับ Coolsculpting ที่ Napassaree Clinic กันไหม

ใครที่มีปัญหาอ้วนลงพุง ผอมแต่มีพุง หรือมีไขมันหน้าท้องที่ต้องการกำจัดออก ลองวิธี Coolsculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็นดูดีไหม
ไขมันส่วนเกิน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย เพราะปริมาณไขมันที่สะสมในร่างกายมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงอายุ และฮอร์โมนต่าง ๆ สำหรับใครที่ต้องการกระชับสัดส่วนด้วยการลดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ Napassaree Clinic อยากพาไปทำความรู้จัก Coolsculpting อีกหนึ่งโปรแกรมที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังทั่วโลก และคลินิกความงามแล้วว่าช่วยลดไขมันได้จริง

ปัญหาไขมันหน้าท้อง ผอมแต่มีพุง เกิดจากอะไร

ไขมันหน้าท้องกวนใจ หรือที่เราเรียกว่า พุง เกิดจากปริมาณไขมันเข้าไปสะสมอยู่ภายในร่างกายตามส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ส่งผลให้รอบเอวขยายใหญ่ขึ้น และมีพุงยื่นออกมา นำไปสู่การเกิดโรคอ้วน และโรคแทรกซ้อนจากภาวะน้ำหนักเกินมากมาย อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น ในคนที่ผอมแต่กลับมีพุง (Skinny Fat) จัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย หรือน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันสะสมอยู่ในร่างกายบริเวณหน้าท้องจำนวนมาก ถึงแม้รูปร่างโดยรวมจะดูผอม แขนขาสมส่วน แต่กลับมีพุงยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ขาดความมั่นใจในที่สุด

โดยส่วนใหญ่ผู้ที่รูปร่างผอม แต่กลับมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องจำนวนมาก มักมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • การกินอาหารที่มีน้ำตาล และไขมันสูง เช่น ขนม เบเกอรี่ น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง และของทอดต่าง ๆ ซึ่งอาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยไขมันทรานส์ และน้ำตาลค่อนข้างสูง ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย
  • การออกกำลังกายผิดวิธี ถึงแม้การออกกำลังกายจะดีต่อสุขภาพ ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ แต่ถ้าออกกำลังกายผิด กินอาหารไม่เพียงพอกับพลังงานที่เสียไป แทนที่จะได้เผาผลาญไขมัน กลับเป็นการลดมวลกล้ามเนื้อแทนจนทำให้ปริมาณไขมันไม่ลดลงอย่างที่ตั้งใจไว้
  • การดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายบริเวณช่วงท้องมากเป็นพิเศษ
  • ความเครียด ความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้ระบบเผาผลาญไม่เสถียร จึงเกิดภาวะอ้วนลงพุงได้ง่ายขึ้น
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง และสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไป ไขมันจึงสะสมในร่างกายมากขึ้นตามไปด้วย

Coolsculpting คืออะไร ช่วยกำจัดไขมันเฉพาะส่วนได้จริงไหม

Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันรูปแบบใหม่โดยใช้ความเย็นเข้ามาช่วย พัฒนาโดยบริษัท Zeltiq ร่วมกับมหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อปี 2010 และมีงานวิจัยรับรองแล้วว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น ช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังได้ถึง 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง จึงทำให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมในคลินิกความงามไปทั่วโลก

การสลายไขมันด้วยวิธีนี้เป็นการใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หรือประมาณ –11°C เข้าไปทำลายเซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันเหล่านั้นบางส่วนตาย และหดตัวลง จากนั้นร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกผ่านทางระบบน้ำเหลือง ทำให้ปริมาณไขมันในร่างกายเราลดลง รูปร่างของเราจึงกระชับ และสมส่วนมากยิ่งขึ้น นับเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้น

ที่ Napassaree Clinic เรามี  “โปรแกรม CoolSculpting” ทรีทเมนต์กำจัดไขมันด้วยความเย็นแบบองศาติดลบเพื่อตอบโจทย์ปัญหาไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะ คลินิกของเราเป็นคลินิกความงามที่ดูแลโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญสำหรับทำโปรแกรม Coolsculpting คอยให้บริการอย่างใกล้ชิด เครื่องมือที่เราใช้เป็นเครื่อง Coolsculpting ของแท้จากบริษัทที่สามารถตรวจสอบได้ ท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามมาตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

Coolsculpting มีหัวกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นหัตถการที่ทำผ่านเครื่องมือโดยใช้หัวแอปพลิเคเตอร์ หรือหัวยิงพลังงานรูปร่างแตกต่างกันออกไปตามการประเมินของแพทย์ โดยหัวแต่ละแบบ เหมาะสำหรับการสลายไขมันในจุดที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • Cool Advantage เป็นหัวหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณไขมันปานกลาง สามารถสลายไขมันบริเวณหน้าท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ขาด้านใน ปีกหลัง และใต้บั้นท้ายได้
  • Cool Advantage Plus เป็นหัวขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับลดไขมันในบริเวณกว้าง เช่น หน้าท้อง และรอบเอว ในผู้ที่มีไขมันเยอะ
  • Cool Advantage Petite สามารถลดไขมันได้ 7 จุดเหมือนกับหัว Cool Advantage แต่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันน้อย ไม่หนามาก ผู้ที่ ผอมแต่มีพุง หรือผู้ที่มีร่างกายเล็ก
  • Cool Mini เป็นหัวขนาดเล็ก เหมาะสำหรับลดไขมันในบริเวณเล็ก ๆ อย่างเหนียง ใต้รักแร้ และเนื้อย้วยเหนือหัวเข่าในผู้ที่ออกกำลังกายไม่ได้
  • Cool Smooth Pro เป็นแอปพลิเคเตอร์ที่เหมาะสำหรับบริเวณขาด้านนอก และใต้สะโพกลงมา

ข้อดีของ Coolsculpting คืออะไร

  • มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองจาก FDA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  • สามารถสลายไขมันได้แบบเฉพาะเจาะจงในส่วนที่ต้องการ และยังไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังชั้นนอก หรือเซลล์ข้างเคียง
  • ไม่เกิดบาดแผลบนผิวหนัง เพราะไม่ต้องผ่าตัด หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • สลายเซลล์ไขมันได้สูงสุด 20-25% ในการรักษาเพียงครั้งเดียว
  • สามารถทำซ้ำจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • เซลล์ไขมันถูกกำจัดอย่างถาวร และถูกขับออกตามกลไกของร่างกายตามธรรมชาติ แต่ควรออกกำลังกาย และควบคุมอาหารร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น
  • ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ กินอาหาร และดื่มน้ำได้ตามปกติ
  • เห็นผลลัพธ์หลังทำชัดเจนประมาณ 20-30% และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 3 เดือน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณไขมันปานกลาง ผู้ที่อ้วนลงพุง ผอมแต่มีพุง และต้องการลดสัดส่วน
  • เหมาะสำหรับสลายไขมันบริเวณหน้าท้อง เอว ปีกหลัง ต้นขา บั้นท้าย สะโพก หรือเหนียง

ข้อจำกัดของ Coolsculpting ที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง

  • ต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันปริมาณมาก หรือมีค่า BMI มากกว่า 35 ขึ้นไป เพราะจะทำให้เห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน หรือไม่เห็นความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังทำ
  • ไม่เหมาะกับผู้มีความผิดปกติทางร่างกายบางอย่าง เช่น ผู้แพ้ความเย็น ผู้ที่เคยผ่าตัดบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน หรือผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ
  • ไม่สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่เกาะอยู่ตามอวัยวะ หรือใต้กล้ามเนื้อได้

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้ไหม

ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้ไหม
ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้ไหม

ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้ไหม

อยากฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพราะมีปัญหาร่องแก้มลึกกวนใจ ยิ้มเมื่อไหร่เห็นร่องแก้มชัดจนเสียความมั่นใจทุกที แต่ก็ยังไม่รู้ว่าการฉีดร่องแก้มคืออะไร เจ็บไหม และปลอดภัยแค่ไหนอยู่รึเปล่า ถ้าใช่ เราจะพาไปทำความเข้าใจทุกรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์นี้กัน

ปัญหาร่องแก้มลึก ส่งผลต่อความมั่นใจของเราไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังทำให้ดูโทรม ไม่สดใส แถมยังทำให้รูขุมขนเราดูกว้างขึ้นอีกด้วย ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ แล้วอยากรู้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ช่วยกู้ผิวตึงกระชับ ไม่หย่อนคล้อย และดูอ่อนเยาว์ให้กลับคืนมาได้มากน้อยแค่ไหน และถ้าอยากฉีดต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มาหาข้อมูลไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลย

ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร

ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดได้จากหลายสาเหตุ เริ่มสังเกตเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อเราอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเราสามารถสรุปสาเหตุหลัก ๆ ออกมาได้ 4 ปัจจัย ดังนี้

  • เกิดพฤติกรรม เช่น การยิ้ม หรือหัวเราะบ่อย ๆ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการดึงกล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มมากเกินไป จนทำให้เกิดเป็นร่องลึก
  • เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้ม สาเหตุนี้พบมากในคนอายุ 20-30 ปี ที่เริ่มมีการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้ม จนทำให้เกิดร่องลึกชนิดยังไม่ลึกมาก
  • เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา มักพบมากในคนอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่กระดูกใต้ตาเริ่มยุบตัวมากขึ้นจนทำให้เนื้อแก้มหย่อนลงมากองเหนือร่องแก้ม ส่งผลให้ร่องแก้มดูลึกมากยิ่งขึ้น
  • รังสียูวี ทำให้คอลลาเจน และอิลาสตินในผิวเสื่อมสภาพลง อีกทั้งผิวยังแห้งขาดความชุ่มชื้น เมื่อใบหน้าขาดความยืดหยุ่น เนื้อแก้มจึงหย่อนคล้อยมากขึ้นจนเกิดเป็นร่องแก้มนั่นเอง

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร ช่วยเรื่องร่องแก้มลึกได้มากแค่ไหน

เป็นวิธีการเติมเต็มร่องแก้มที่มีร่องลึก หรือยุบตัวลงด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก เอซิด ลงไป โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปกักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิว เพื่อปรับให้ผิวบริเวณนั้นเต่งตึงขึ้น ดูอ่อนเยาว์ และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เห็นผลได้ตั้งแต่หลังทำ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูงเพราะร่างกายสามารถผลิตกรดไฮยาลูรอนิกได้เอง มีโอกาสแพ้น้อยกว่าสารชนิดอื่น และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ตกค้าง

ทั้งนี้ ฟิลเลอร์สำหรับฉีดร่องแก้มมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก แนะนำว่าควรเลือกยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้วว่าปลอดภัย และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในสถานพยาบาลที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นจะดีที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม ต้องใช้กี่ CC

ปริมาณ CC ที่ใช้ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มในแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนใหญ่แพทย์จะพิจารณาให้ฉีดประมาณ 1-2 CC สำหรับผู้ที่ร่องแก้มยังไม่ลึกมาก ในเคสที่อายุเยอะ และมีร่องแก้มลึกชัดเจน แพทย์จะพิจารณาเพิ่ม CC ให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป แต่ถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อาจต้องทำหัตถการอื่นในการยกกระชับผิวร่วมด้วย

ใครเหมาะสำหรับการฉีดร่องแก้มบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก หรือมีริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม
  • ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ดูมีอายุ
  • ผู้ที่กระดูกใต้ตา และร่องแก้มลดลงจนเห็นร่องแก้มลึก
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
  • ผู้ที่ผิวแห้งจนเกิดร่องแก้ม
  • ผู้ที่อยากให้ใบหน้ายกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด

วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องแก้ม

ก่อนฉีด

  • งดยากลุ่มต้านอาการอักเสบ ยาแอสไพริน รวมไปถึงวิตามินเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์ก่อนมาฉีด
  • งดสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว รวมไปถึงการสครับหน้าทุกชนิด
  • งดออกกำลังกายหนักก่อนการฉีด 1 วัน เพื่อให้การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วัน เพื่อลดอาการบวมช้ำ

หลังฉีด

  • ในช่วง 3 วันแรกไม่ควรขยับหน้าเยอะ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เซตตัวยาก หรือเคลื่อนผิดทรงได้
  • ไม่ควรโดนแสงแดดจัด นั่งหน้าเตาไฟ หรืออยู่ในพื้นที่ที่ร้อนจัด เพราะอุณหภูมิที่สูงส่งผลให้ฟิลเลอร์เซตตัวยากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดอักเสบได้
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูคงรูปสวย
  • งดการทำทรีตเมนต์หน้า หรือเลเซอร์ผิวเป็นเวลา 1 เดือนหลังทำ

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

รู้เจาะลึก Juvelook คืออะไร ช่วยเรื่องปัญหาผิวด้านใด ใครทำได้บ้าง

รู้เจาะลึก Juvelook คืออะไร ช่วยเรื่องปัญหาผิวด้านใด ใครทำได้บ้าง
รู้เจาะลึก Juvelook คืออะไร ช่วยเรื่องปัญหาผิวด้านใด ใครทำได้บ้าง

รู้เจาะลึก Juvelook คืออะไรช่วยเรื่องปัญหาผิวด้านใด ใครทำได้บ้าง

อีกหนึ่งเคล็ดลับผิวใสเด้ง รูขุมขนกระชับ และผิวอิ่มฟูดูอ่อนเยาว์ คือ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน Juvelook ใครที่กำลังสนใจและอยากรู้ว่า Juvelook คืออะไร ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใสได้แค่ไหน เราจะพาไปไขข้อข้องใจกันในบทความนี้

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน ดูโทรมไม่สดใส ทั้งจากวัยที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยภายนอกที่รุมเร้าเข้ามา เป็นอีกหนึ่งเรื่องกังวลใจของใครหลาย ๆ คน แต่ความกังวลใจเหล่านั้นจะหมดไป เพราะเรามีทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง อิ่มฟู ดูสดใสจากภายในสู่ภายนอกอย่าง Juvelook มาแนะนำกัน ใครที่อยากรู้ว่าหัตถการนี้คืออะไร ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้มากน้อยแค่ไหน และเหมาะสำหรับใครบ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย

Juvelook คืออะไร

Juvelook เป็นสารเติมเต็มผิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ไหมน้ำ เป็นไหมจากประเทศเกาหลีที่รวมส่วนผสมตัวเด็ด 2 อย่างเข้าด้วยกัน คือ Non-cross-linked Hyaluronic Acid ที่โดดเด่นด้านการเติมเต็มริ้วรอย และเติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำวาว กับ PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid) ที่เด่นเรื่องการยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจน หลังฉีดเข้าสู่ผิวเราจะรู้สึกได้เลยว่าผิวกลับมายืดหยุ่น เต่งตึง ชุ่มชื้น และฉ่ำวาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยเบลอรูขุมขน และช่วยให้หน้าแน่นขึ้นได้อีกด้วย

การฉีด Juvelook เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม ทั้งยังเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี และได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย. ของประเทศไทย ยุโรป และเกาหลี เป็นที่เรียบร้อย

ข้อดีของการฉีด Juvelook มีอะไรบ้าง

  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และป้องกันริ้วรอยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวอิ่มฟู แน่น
  • ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ
  • แก้ปัญหาหลุมสิวได้
  • ช่วยให้ผิวดูเงาใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ลดรอยแตกบนผิวหนัง
  • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • สามารถฉีดเฉพาะจุดที่ต้องการได้
  • เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น

Juvelook ฉีดตรงไหนได้บ้าง ฉีดแล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่

เพราะช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลาย Juvelook จึงเหมาะสำหรับการฉีดในหลาย ๆ จุดบนร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้า อาทิ ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก หางตา หน้าแก้ม หลุมสิว หรือบริเวณร่องน้ำตา นอกจากนี้ยังสามารถฉีดบริเวณลำคอ ข้อศอก ข้อพับ และหัวเข่า เพื่อเพิ่มความตึงกระชับ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อีกด้วย

การจะฉีด Juvelook ให้ได้ผล ควรฉีดต่อเนื่องกันประมาณเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือนในช่วงแรก หลังจากนั้นแนะนำให้มาฉีดกระตุ้นเพื่อคงสภาพผิวให้สวยกระจ่างใสต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง หรือ 12 เดือนครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาการคงอยู่ขึ้นอยู่กับการดูแลผิว และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันร่วมด้วย

ใครที่เหมาะสำหรับทำ Juvelook บ้าง

เรารู้ความหมายว่า Juvelook คืออะไร กันไปแล้ว มาดูผู้ที่เหมาะสำหรับการฉีด Juvelook กันต่อเลยดีกว่าว่าตอบโจทย์ปัญหาผิวแบบไหนบ้าง

  • ผู้ที่มีริ้วรอย ทั้งรอยลึก รอยตื้น หรือร่องลึกตามบริเวณต่าง ๆ
  • ผู้ที่ผิวขาดความชุ่มชื้น มีผิวแห้ง หรือผิวมันเนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้แต่งหน้าไม่ติด และมีปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง ขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง เห็นรูขุมขนชัดเจน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่มีหลุมสิวประเภทต่าง ๆ
  • ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำ มีร่องน้ำตา
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
  • ผู้ที่มีรอยแตกบริเวณผิวหนัง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด Juvelook

  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษทั้งในขั้นตอนการทำความสะอาดผิว และการบำรุงผิว
  • เน้นใช้สกินแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • งดการสัมผัสใบหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • ควรเว้นการแต่งหน้าหลังฉีดประมาณ 3 วัน เพื่อให้แผลหายสนิท ลดการติดเชื้อ
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยให้แผลสมานตัวเร็ว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

สนใจ Juvelook ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Napassaree Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลการรักษาด้วย Juvelook อย่างใกล้ชิด

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง
แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

บอกลาหน้าเป็นหลุม ไม่เรียบเนียน แต่งหน้าไม่สวยไปได้เลย เพราะเรามี วิธีรักษาหลุมสิว จากอาจารย์แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำกัน
อีกหนึ่งปัญหากวนใจนอกจากเรื่องสิวก็คือ หลุมสิว นี่ล่ะ เพราะหลุมสิวทำให้ใบหน้าของเราดูขรุขระไม่เรียบเนียน แต่งหน้ากลบแค่ไหนก็ไม่มิด ความมั่นใจเลยหดหายไปจนหมด ใครที่กังวลเรื่องหลุมสิวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิวกว้าง ตื้น หรือลึก และอยากรักษาให้หายขาด เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาเนียนสวยอีกครั้ง Napassaree Clinic มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำ ไปดูกันดีกว่าว่าเราสามารถรักษาเจ้าหลุมสิวกวนใจเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง

หลุมสิวคืออะไร เกิดจากสิวแบบไหน

หลุมสิว คือ ผิวหนังบริเวณที่เคยเป็นสิวเกิดการยุบตัวจนกลายเป็นหลุม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การรักษาสิวผิดวิธี การรักษาสิวช้าเกินไป สิวอักเสบรุนแรง จนทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ และสาเหตุอื่น ๆ แต่สาเหตุหลักมาจากผิวหนังไม่สามารถสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อมาทดแทนได้เพียงพอ ทำให้เนื้อเยื่อใต้ชั้นหนังกำพร้าหายไปบางส่วนจนเกิดเป็นหลุมสิวขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนหลังจากที่รักษาสิวหายแล้ว โดยสิวที่อาจก่อให้เกิดหลุมสิวหากรักษาไม่ถูกวิธี คือ

  • สิวหัวช้าง สิวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนลึก ทำให้น้ำมัน และแบคทีเรียสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังจนอักเสบรุนแรง มีลักษณะเป็นก้อนแข็งนูนอยู่ใต้ผิว รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส ไม่มีหัวสิวให้บีบออก วิธีการรักษาจึงทำได้ยาก เพราะเมื่อหายแล้วมักทิ้งรอยแผลเป็นจากสิว หรือหลุมสิวไว้อย่างชัดเจน
  • สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากการอักเสบ หรือติดเชื้อในรูขุมขน มีลักษณะนูนแดง และอาจมีหนองอยู่ข้างใน มักเกิดจากการสะสมของน้ำมัน แบคทีเรีย หรือเซลล์ผิวที่ตายในรูขุมขน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย สามารถรักษาได้หลายวิธี แต่ถ้ารักษาผิดก็อาจทำให้เกิดหลุมสิวได้เช่นกัน

หลุมสิวมีทั้งหมดกี่ประเภท อะไรบ้าง

เรารู้แล้วว่าหลุมสิวคืออะไร เกิดจากสิวประเภทไหน เรามาดูกันต่อดีกว่าว่าหลุมสิวมีทั้งหมดกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีลักษณะเป็นอย่างไร

  • Rolling Scars เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะตื้น กว้าง เว้าลงไปในชั้นผิวคล้ายแอ่ง ทำให้ใบหน้าดูขรุขระเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอกัน 
  • Boxcar Scar คือหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นบ่อกว้าง ขอบหลุมสิวชัดเจน ขอบและฐานหลุมสิวกว้างขนาดเท่ากัน
  • Ice Pick Scars เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะคล้ายกรวยแหลม ปากหลุมสิวค่อนข้างเล็กแต่ลึก ความลึกอาจถึงชั้นหนังแท้ได้เลย หลุมสิวประเภทนี้จัดว่ามีความรุนแรง และรักษายากมากที่สุด

วิธีรักษาหลุมสิว ทำได้อย่างไรบ้าง

หลุมสิวที่สร้างความรำคาญใจให้เรา สามารถรักษาได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภท และความลึกของหลุมสิว โดยส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มหลุมสิวที่ยุบไปด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  • ใช้ยาทารักษาหลุมสิว เราสามารถรักษาหลุมสิวให้ดีขึ้นด้วยการทายาที่มีสารสกัดจากธรรมชาติฤทธิ์กรดอ่อน ๆ เช่น กรดแลคติก (Lactic Acid) ได้ด้วยตัวเอง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวไวขึ้น ลอกผิวหนังชั้นตื้นออก ทำให้ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับหลุมสิวตื้นมากกว่าหลุมลึก
  • Microneedling เป็นหัตถการที่ใช้เข็มขนาดเล็กทิ่มลงไปใต้ฐานหลุมสิวเพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อด้านล่าง ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาเติมหลุมสิวให้ขึ้นมาเสมอกับผิวโดยรอบ นอกจากหลุมสิวจะดูตื้นขึ้นแล้ว ยังช่วยเรื่องการสร้างเม็ดสี และเพิ่มความยืดหยุ่นอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อีกด้วย แต่หัตถการนี้อาจทำให้ผิวแสบแดง และเกิดสะเก็ดเล็กน้อยเนื่องจากใช้เข็มเจาะผิว อาจเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายหากไม่ได้ทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
  • Dermabrasion หรือ การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี วิธีการนี้เป็นการกรอผิวชั้นกำพร้าออกโดยใช้เกล็ดอัญมณีประมาณ 100 ไมครอนเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ลึกกว่าการสครับผิวทั่วไป แต่ไม่เท่าการทำเลเซอร์ หลังจากกรอผิวแล้ว เซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาทดแทน จึงทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้
  • การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน อาทิ Radiesse หรือ Sculptra เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวจะดูแน่น อิ่มฟู กระชับ ความหย่อนคล้อยลดลง เติมเต็มริ้วรอย และหลุมสิวต่าง ๆ ให้กลับมาเรียบเนียนได้ตั้งแต่หลังฉีดเสร็จ
  • การทำเลเซอร์ การเลเซอร์แก้หลุมสิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเลเซอร์จะส่งผลต่อเนื้อเยื่อโดยตรง แพทย์สามารถปรับความยาวคลื่นตามลักษณะของหลุมสิวได้อย่างตรงจุด ทั้งยังไม่ทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบเสียหาย ส่งผลให้หลุมสิวดูตื้น เนื้อเยื่อได้รับการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับเลเซอร์ที่เราอยากแนะนำ คือ PicoSure เป็นเลเซอร์ที่นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวแล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าเนียนกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำ กวนใจได้อีกด้วย เพราะเลเซอร์ตัวนี้ได้รับการพัฒนาระดับความเร็วอยู่ที่ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที เพื่อส่งพลังงานที่เปลี่ยนเป็นแรงดันไปยังเม็ดสีที่มีความผิดปกติ หรือบริเวณใบหน้าที่ต้องการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงไม่รู้สึกเจ็บ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ใช้เวลาในการทำน้อยกว่าเลเซอร์แบบเดิม ๆ และไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ว่าจะรอยแผลเป็น รอยดำจากสิว หลุมสิว จุดด่างดำ กระลึก ฝ้าแดด รอยสัก ก็สามารถรักษาได้อย่างนุ่มนวลแทบไม่มีสะเก็ด และไม่มีบาดแผลหลังทำ

รักษาหลุมสิวที่ไหนดี

ใครที่กำลังมองหา วิธีรักษาหลุมสิว โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ ที่ Napassaree Clinic พร้อมให้บริการ คลินิกของเรานำโดยอาจารย์หมอส้ม ดร. ภคมน เดชส่งจรัส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามและชะลอวัย ที่มีประสบการณ์ในการดูแลเคสทั้งในคลินิกและในโรงพยาบาลชั้นนำของไทยมามากกว่า 10 ปี คุณหมอส้มเชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า และการรักษาแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย อีกทั้งยังเป็นอาจารย์แพทย์ผู้สอนโปรแกรมฟิลเลอร์ และอัลเทอร่า จากบริษัท Merz Thailand อีกด้วย คุณจึงมั่นใจได้ว่าคลินิกของเราสามารถดูแลทุกเคสได้อย่างทั่วถึง ตรงจุด เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ได้มาตรฐานในทุก ๆ ขั้นตอน

หากคุณสนใจบริการเลเซอร์ PicoSure หรือหัตถการด้านความงามอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามมาที่คลินิกของเราตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อวางแผนการรักษาอย่างรัดกุม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ
อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี เรามี “การร้อยไหมจมูก” ที่ช่วยอัพให้ดั้งโด่ง สันจมูกคม และปีกจมูกเล็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำมาแนะนำ
การร้อยไหมจมูก เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมสำหรับปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ช่วยเสกให้ดั้งของเราดูโด่ง เห็นสันชัดเจนได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนของเราได้อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่แล้วอยากรู้ว่าการร้อยไหมนี้ทำอย่างไร ทรงจมูกที่เราอยากได้ใช้วิธีการร้อยไหมได้ไหม แล้วหลังทำควรดูแลตัวเองอย่างไร ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความนี้ประกอบการตัดสินใจได้เลย

ร้อยไหมจมูก คืออะไร

เป็นวิธีเสริมจมูกแบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดละลายได้ร้อยเข้าไปในจมูกเพื่อให้จมูกสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมา คล้ายกับการศัลยกรรมโดยใช้ซิลิโคน เส้นไหมจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจนรอบเส้นไหมให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จมูกโด่ง เห็นสันจมูกชัดเจน และปีกจมูกเล็กลง ทั้งยังสามารถดีดปลายจมูกเพื่อให้จมูกพุ่งขึ้นมาได้อีกด้วย แต่การร้อยไหมนี้มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นอยู่กับอายุของไหมที่ใช้ และการดูแลตัวเอง คือประมาณ 6 เดือน – 1 ปี หากครบอายุเส้นไหมจะละลายหายไปจนหมด
การเสริมจมูกด้วยวิธีการร้อยไหม จัดเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เรื่องการร้อยไหมโดยตรง เพราะการร้อยไหมต้องใช้ความแม่นยำ และเทคนิคขั้นสูงในการแต่งทรงให้ออกมาสวย สมส่วนกับใบหน้า และดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจไปร้อยไหม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะดีที่สุด

จมูกทรงไหนที่เหมาะกับเรา

เพราะทรงจมูกสุดฮิตในไทยมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำที่ปลายจมูกดูยาว ไม่พุ่งเกินไป หรือจะเป็นทรงสโลปปลายพุ่งที่ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุน และทรงปลายเชิดที่ทำให้หน้าเด่นแบบสายฝอ แต่ทรงจมูกแบบไหนถึงจะเข้ากับหน้าเรา มาดูวิธีพิจารณากัน

  • สังเกตจากทรงหน้าผาก การเลือกทรงจมูกที่ใช่ต้องสังเกตด้วยว่ารับกับทรงหน้าผากของเราหรือเปล่า โดยความสูงของจมูกควรอยู่ต่ำกว่าหน้าผากเล็กน้อย ในคนที่มีหน้าผากแบนอาจไม่เหมาะกับทรงจมูกสูง ๆ เพราะเมื่อมองด้านข้างแล้วจะไม่สมส่วน ผิดธรรมชาติ
  • พิจารณาจากโครงหน้า สำหรับคนที่มีหน้าเรียว หรือรูปไข่ เหมาะกับทรงจมูกหลากหลาย อยู่ที่เราอยากให้หน้าดูหวาน หรือดูเฉี่ยวมากกว่ากัน ส่วนคนหน้ากลม ควรเลือกทรงจมูกสโลป หรือปลายพุ่งเพื่อเพิ่มมิติบนใบหน้า และในคนที่มีใบหน้าเหลี่ยม ส่วนใหญ่เหมาะกับทรงจมูกปลายเชิดเพื่อให้รูปหน้าละมุนขึ้น
  • ทรงจมูกควรรับกับความยาวใบหน้า โดยพิจารณาจากใบหน้าด้านข้าง สัดส่วนของไรผมถึงจมูก, สันจมูกถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคาง ควรมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นในการเลือกทรงจมูกเท่านั้น แนะนำว่าผู้ที่อยากปรับทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้าควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรงจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์โครงหน้า และเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับเราที่สุดมาให้พิจารณา รวมไปถึงช่วยประเมินด้วยว่าทำได้จริงไหม ต้นทุนฐานจมูกเรามีเท่าไหร่ ปรับให้โด่งมากน้อยได้แค่ไหน และมีข้อจำกัดอะไรบนใบหน้าที่เราควรรู้เพิ่มเติม

การร้อยไหมจมูกเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่อยากเสริมจมูกให้ได้ทรงสวย แต่ไม่อยากผ่าตัด
  • ผู้ที่อยากปรับแก้ทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า
  • ผู้ที่จมูกบาน ฐานกว้าง และต้องการปรับให้จมูกโด่งมากขึ้น
  • ผู้ที่เห็นสันจมูกไม่ชัด ดั้งจมูกไม่คม
  • ผู้ที่มีฐานจมูกอยู่แล้ว และต้องการให้จมูกดูโด่งขึ้น

ก่อนร้อยไหมจมูก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์พิจารณาโครงหน้า วิเคราะห์ฐานจมูก รวมไปถึงสอบถามเกี่ยวกับทรงจมูกที่ต้องการว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยกับตัวเรามากที่สุด
  • ตรวจสอบประวัติของแพทย์ที่ดูแลเคสว่ามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมมากน้อยแค่ไหน และตรวจสอบรีวิวของคลินิก รวมไปถึงแพทย์ในเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือร่วมด้วย
  • เมื่อตัดสินใจร้อยไหมแล้ว ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนมาร้อยไหมอย่างน้อย 3 วัน
  • งดยา และอาหารเสริมบางตัวที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด อาทิ ยาแอสไพริน, NSAIDs เป็นต้น
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา ให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมจมูก

  • หลังร้อยไหมเสร็จแล้วไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงการดึงรั้งของไหม
  • หลีกเลี่ยงการจับ แกะ เกา หรือนวดบริเวณที่ร้อยไหม เพื่อลดการอักเสบติดเชื้อ
  • ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน หรือกิจกรรมออกแดดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังร้อยไหม
  • งดกินอาหารหมักดอง อาหารรสเผ็ด หรือเค็มจัด
  • อาการบวมช้ำเล็กน้อย เป็นการอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ และจะหายไปเองประมาณ 3-4 วัน
  • สามารถประคบเย็นได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะหากประคบผิดวิธีอาจทำให้ไหมเคลื่อน และไม่เกาะผิวได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง
ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

เทรนด์ผิวสวยสุขภาพดีในยุคนี้ อย่างไรก็ต้องยกให้ ผิวกระจก ที่มีความอวบอิ่ม ฟูใสเป็นเงาราวกับกระจกอยู่แล้ว ใครที่อยากให้ผิวหน้าฉ่ำวาวอิ่มฟูดูสุขภาพดีแบบนี้บ้าง เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำ
ผิวดูเนียนใส ยืดหยุ่น และอิ่มน้ำดูสุขภาพดี เป็นผิวที่ใคร ๆ หลายคนปรารถนา เพราะนอกจากจะช่วยให้เราแต่งหน้าง่าย ติดทนมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดอายุของเราลงไปได้อีกหลายปี แต่การจะมีผิวหน้าสวยใสราวกับกระจกแบบสาวเกาหลีต้องทำอย่างไร มีวิธีการอะไรบ้าง Napassaree Clinic มีเทคนิคดี ๆ ทั้งที่ทำได้ด้วยตัวเอง และใช้เทคนิคทางการแพทย์มาแนะนำกันในบทความนี้

ผิวกระจก แบบเกาหลี คืออะไร

ผิวกระจก หรือ Glass Skin เป็นผิวที่มีความกระจ่างใส เงางาม อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ มีความยืดหยุ่น และมีความเล่นแสงสะท้อนเหมือนกระจก เป็นเทรนด์ผิวหน้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่ผู้คนนิยมผิวดูสวยฉ่ำบ่งบอกถึงสุขภาพผิวดี โดยผิวใสราวกระจกตามเทรนด์ จะเป็นผิวที่มีลักษณะดังนี้

  • ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ
  • ไม่มีริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • ไม่มีรอยแดง รอยดำ หรือฝ้า กระ
  • ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเปล่งปลั่ง
  • สีผิวสม่ำเสมอ ดูกระจ่างใส
  • ผิวนุ่ม มีความยืดหยุ่น

ทั้งนี้ ผิวแบบ Glass Skin กับ ผิวมัน ถึงแม้จะมีความสะท้อนแสงเหมือนกัน แต่ผิวแบบกระจกจะเป็นการเล่นแสงจากความชุ่มชื้นของผิว ราวกับได้รับการปรนนิบัติผิวมาอย่างดีทั้งจากภายใน และภายนอก ส่วนผิวมันเป็นผิวหน้าที่ดูเยิ้ม มักมาพร้อมกับรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และดูหมองคล้ำ

วิธีการดูแลผิวให้ได้ผิวกระจก

การดูแลผิวหน้าเพื่อให้ผิวสวยฉ่ำแบบสาวเกาหลีมีหลากหลายวิธี ซึ่งเรามีตัวอย่างมาแนะนำกันดังนี้

  • ดูแลความสะอาดของผิวหน้า ประตูสู่ผิวหน้าที่สวยฉ่ำ และเรียบเนียน เริ่มต้นที่การทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะในแต่ละวันใบหน้าของเราเผชิญกับมลภาวะ รวมไปถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ มากมาย เราจึงควรใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด โดยเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสภาพผิว เพื่อให้ใบหน้าสะอาด ไม่มีสิ่งตกค้าง
  • เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะสภาพผิวแต่ละแบบมีความเข้ากันกับสกินแคร์แตกต่างกัน ควรหมั่นสังเกตผิวหน้า และเลือกใช้สกินแคร์ที่ตรงกับสภาพผิวช่วงนั้นมากที่สุด
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายผิวต่าง ๆ อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, ไม่ทาครีมกันแดด, พักผ่อนไม่เพียงพอ และดื่มน้ำเปล่าปริมาณน้อย
  • ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเราโดนแสงแดด และรังสียูวีต่าง ๆ ทำร้ายจนเกิดจุดด่างดำกวนใจ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายในแต่ละวัน

หัตถการแบบไหนที่เหมาะกับเรา

นอกจากการดูแลผิวด้วยตัวเองแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสกผิวสวยสุขภาพดีตามเทรนด์ของเกาหลีได้ นั่นคือ การทำหัตถการ เรามาดูกันว่าอยากให้ผิวหน้ากระจ่างใส มีหัตถการอะไรที่ตอบโจทย์บ้าง

  • การทำทรีตเมนต์ เขาว่ากันว่าการบำรุงผิวอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผิวหน้าสวยฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับขึ้นมาได้เช่นกัน การทำทรีตเมนต์หน้าเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ สำหรับทรีตเมนต์ที่ Napassaree Clinic มี D-cool Bright Treatment เป็นทรีตเมนต์หน้าเงาแบบสาวเกาหลี ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เติมออกซิเจนให้ผิวเปล่งปลั่ง และผลักวิตามินเข้าผิวอย่างล้ำลึกด้วยความเย็น -5 องศา เพื่อให้ผิวของเราอิ่มฟู เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เข็ม ใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามมาตามช่องทางต่าง ๆ ของเราได้เลย
  • ให้วิตามินผิว IV Therapy Program เป็นการให้สารน้ำที่ประกอบไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่จำเป็นต่าง ๆ ของร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที โดยสูตรวิตามินจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน หลังจากให้วิตามินไปแล้วร่างกายจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และผิวดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา
  • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฟื้นฟูผิวโดยการฉีดสารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อให้ผิวหน้าอิ่มฟู ตึงกระชับ ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง รวมไปถึงให้ผิวฉ่ำวาวราวกับผิวกระจกตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมกัน มีทั้งหมด 2 ชนิด คือ
    • Belotero Revive ฟิลเลอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับงานกู้ผิวให้กลับมาดูสวยฉ่ำ ชุ่มชื้น และอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไฮยาลูรอนิก และกลีเซอรอลที่ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำดีขึ้น ทำให้ผิวดูเปล่งประกาย ชุ่มชื้น และมีออร่ายาวนาน
    • Juvederm Skinvive เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดสูตรพิเศษแบบไมโครดรอปเล็ท (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ตัวใหม่ล่าสุดของ Juvederm ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเป็นพิเศษ เนื้อนิ่มละเอียด ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้ดีกว่า กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีกว่า จึงทำให้ผิวสวยฉ่ำอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า
    • Rejuran Healer เป็นวิตามินผิวที่มีสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนเป็นส่วนผสมหลัก โดดเด่นด้านการกระตุ้น Growth Factor สร้างผิวใหม่ ช่วยฟื้นฟูผิวได้ทันที ทั้งยังลดการอักเสบของผิว ปรับสมดุลผิว ช่วยลดรอยสิว และเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วย

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการหน้าใสแบบเกาหลี

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ทำหัตถการมาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคือง
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 3 วันแรก
  • ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ
  • ใช้สกินแคร์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้น
  • หากพบความผิดปกติหลังจากทำหัตถการ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี