อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ
อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี เรามี “การร้อยไหมจมูก” ที่ช่วยอัพให้ดั้งโด่ง สันจมูกคม และปีกจมูกเล็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำมาแนะนำ
การร้อยไหมจมูก เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมสำหรับปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ช่วยเสกให้ดั้งของเราดูโด่ง เห็นสันชัดเจนได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนของเราได้อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่แล้วอยากรู้ว่าการร้อยไหมนี้ทำอย่างไร ทรงจมูกที่เราอยากได้ใช้วิธีการร้อยไหมได้ไหม แล้วหลังทำควรดูแลตัวเองอย่างไร ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความนี้ประกอบการตัดสินใจได้เลย

ร้อยไหมจมูก คืออะไร

เป็นวิธีเสริมจมูกแบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดละลายได้ร้อยเข้าไปในจมูกเพื่อให้จมูกสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมา คล้ายกับการศัลยกรรมโดยใช้ซิลิโคน เส้นไหมจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจนรอบเส้นไหมให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จมูกโด่ง เห็นสันจมูกชัดเจน และปีกจมูกเล็กลง ทั้งยังสามารถดีดปลายจมูกเพื่อให้จมูกพุ่งขึ้นมาได้อีกด้วย แต่การร้อยไหมนี้มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นอยู่กับอายุของไหมที่ใช้ และการดูแลตัวเอง คือประมาณ 6 เดือน – 1 ปี หากครบอายุเส้นไหมจะละลายหายไปจนหมด
การเสริมจมูกด้วยวิธีการร้อยไหม จัดเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เรื่องการร้อยไหมโดยตรง เพราะการร้อยไหมต้องใช้ความแม่นยำ และเทคนิคขั้นสูงในการแต่งทรงให้ออกมาสวย สมส่วนกับใบหน้า และดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจไปร้อยไหม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะดีที่สุด

จมูกทรงไหนที่เหมาะกับเรา

เพราะทรงจมูกสุดฮิตในไทยมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำที่ปลายจมูกดูยาว ไม่พุ่งเกินไป หรือจะเป็นทรงสโลปปลายพุ่งที่ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุน และทรงปลายเชิดที่ทำให้หน้าเด่นแบบสายฝอ แต่ทรงจมูกแบบไหนถึงจะเข้ากับหน้าเรา มาดูวิธีพิจารณากัน

  • สังเกตจากทรงหน้าผาก การเลือกทรงจมูกที่ใช่ต้องสังเกตด้วยว่ารับกับทรงหน้าผากของเราหรือเปล่า โดยความสูงของจมูกควรอยู่ต่ำกว่าหน้าผากเล็กน้อย ในคนที่มีหน้าผากแบนอาจไม่เหมาะกับทรงจมูกสูง ๆ เพราะเมื่อมองด้านข้างแล้วจะไม่สมส่วน ผิดธรรมชาติ
  • พิจารณาจากโครงหน้า สำหรับคนที่มีหน้าเรียว หรือรูปไข่ เหมาะกับทรงจมูกหลากหลาย อยู่ที่เราอยากให้หน้าดูหวาน หรือดูเฉี่ยวมากกว่ากัน ส่วนคนหน้ากลม ควรเลือกทรงจมูกสโลป หรือปลายพุ่งเพื่อเพิ่มมิติบนใบหน้า และในคนที่มีใบหน้าเหลี่ยม ส่วนใหญ่เหมาะกับทรงจมูกปลายเชิดเพื่อให้รูปหน้าละมุนขึ้น
  • ทรงจมูกควรรับกับความยาวใบหน้า โดยพิจารณาจากใบหน้าด้านข้าง สัดส่วนของไรผมถึงจมูก, สันจมูกถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคาง ควรมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นในการเลือกทรงจมูกเท่านั้น แนะนำว่าผู้ที่อยากปรับทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้าควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรงจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์โครงหน้า และเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับเราที่สุดมาให้พิจารณา รวมไปถึงช่วยประเมินด้วยว่าทำได้จริงไหม ต้นทุนฐานจมูกเรามีเท่าไหร่ ปรับให้โด่งมากน้อยได้แค่ไหน และมีข้อจำกัดอะไรบนใบหน้าที่เราควรรู้เพิ่มเติม

การร้อยไหมจมูกเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่อยากเสริมจมูกให้ได้ทรงสวย แต่ไม่อยากผ่าตัด
  • ผู้ที่อยากปรับแก้ทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า
  • ผู้ที่จมูกบาน ฐานกว้าง และต้องการปรับให้จมูกโด่งมากขึ้น
  • ผู้ที่เห็นสันจมูกไม่ชัด ดั้งจมูกไม่คม
  • ผู้ที่มีฐานจมูกอยู่แล้ว และต้องการให้จมูกดูโด่งขึ้น

ก่อนร้อยไหมจมูก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์พิจารณาโครงหน้า วิเคราะห์ฐานจมูก รวมไปถึงสอบถามเกี่ยวกับทรงจมูกที่ต้องการว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยกับตัวเรามากที่สุด
  • ตรวจสอบประวัติของแพทย์ที่ดูแลเคสว่ามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมมากน้อยแค่ไหน และตรวจสอบรีวิวของคลินิก รวมไปถึงแพทย์ในเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือร่วมด้วย
  • เมื่อตัดสินใจร้อยไหมแล้ว ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนมาร้อยไหมอย่างน้อย 3 วัน
  • งดยา และอาหารเสริมบางตัวที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด อาทิ ยาแอสไพริน, NSAIDs เป็นต้น
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา ให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมจมูก

  • หลังร้อยไหมเสร็จแล้วไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงการดึงรั้งของไหม
  • หลีกเลี่ยงการจับ แกะ เกา หรือนวดบริเวณที่ร้อยไหม เพื่อลดการอักเสบติดเชื้อ
  • ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน หรือกิจกรรมออกแดดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังร้อยไหม
  • งดกินอาหารหมักดอง อาหารรสเผ็ด หรือเค็มจัด
  • อาการบวมช้ำเล็กน้อย เป็นการอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ และจะหายไปเองประมาณ 3-4 วัน
  • สามารถประคบเย็นได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะหากประคบผิดวิธีอาจทำให้ไหมเคลื่อน และไม่เกาะผิวได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง
ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

เทรนด์ผิวสวยสุขภาพดีในยุคนี้ อย่างไรก็ต้องยกให้ ผิวกระจก ที่มีความอวบอิ่ม ฟูใสเป็นเงาราวกับกระจกอยู่แล้ว ใครที่อยากให้ผิวหน้าฉ่ำวาวอิ่มฟูดูสุขภาพดีแบบนี้บ้าง เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำ
ผิวดูเนียนใส ยืดหยุ่น และอิ่มน้ำดูสุขภาพดี เป็นผิวที่ใคร ๆ หลายคนปรารถนา เพราะนอกจากจะช่วยให้เราแต่งหน้าง่าย ติดทนมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดอายุของเราลงไปได้อีกหลายปี แต่การจะมีผิวหน้าสวยใสราวกับกระจกแบบสาวเกาหลีต้องทำอย่างไร มีวิธีการอะไรบ้าง Napassaree Clinic มีเทคนิคดี ๆ ทั้งที่ทำได้ด้วยตัวเอง และใช้เทคนิคทางการแพทย์มาแนะนำกันในบทความนี้

ผิวกระจก แบบเกาหลี คืออะไร

ผิวกระจก หรือ Glass Skin เป็นผิวที่มีความกระจ่างใส เงางาม อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ มีความยืดหยุ่น และมีความเล่นแสงสะท้อนเหมือนกระจก เป็นเทรนด์ผิวหน้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่ผู้คนนิยมผิวดูสวยฉ่ำบ่งบอกถึงสุขภาพผิวดี โดยผิวใสราวกระจกตามเทรนด์ จะเป็นผิวที่มีลักษณะดังนี้

  • ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ
  • ไม่มีริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • ไม่มีรอยแดง รอยดำ หรือฝ้า กระ
  • ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเปล่งปลั่ง
  • สีผิวสม่ำเสมอ ดูกระจ่างใส
  • ผิวนุ่ม มีความยืดหยุ่น

ทั้งนี้ ผิวแบบ Glass Skin กับ ผิวมัน ถึงแม้จะมีความสะท้อนแสงเหมือนกัน แต่ผิวแบบกระจกจะเป็นการเล่นแสงจากความชุ่มชื้นของผิว ราวกับได้รับการปรนนิบัติผิวมาอย่างดีทั้งจากภายใน และภายนอก ส่วนผิวมันเป็นผิวหน้าที่ดูเยิ้ม มักมาพร้อมกับรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และดูหมองคล้ำ

วิธีการดูแลผิวให้ได้ผิวกระจก

การดูแลผิวหน้าเพื่อให้ผิวสวยฉ่ำแบบสาวเกาหลีมีหลากหลายวิธี ซึ่งเรามีตัวอย่างมาแนะนำกันดังนี้

  • ดูแลความสะอาดของผิวหน้า ประตูสู่ผิวหน้าที่สวยฉ่ำ และเรียบเนียน เริ่มต้นที่การทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะในแต่ละวันใบหน้าของเราเผชิญกับมลภาวะ รวมไปถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ มากมาย เราจึงควรใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด โดยเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสภาพผิว เพื่อให้ใบหน้าสะอาด ไม่มีสิ่งตกค้าง
  • เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะสภาพผิวแต่ละแบบมีความเข้ากันกับสกินแคร์แตกต่างกัน ควรหมั่นสังเกตผิวหน้า และเลือกใช้สกินแคร์ที่ตรงกับสภาพผิวช่วงนั้นมากที่สุด
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายผิวต่าง ๆ อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, ไม่ทาครีมกันแดด, พักผ่อนไม่เพียงพอ และดื่มน้ำเปล่าปริมาณน้อย
  • ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเราโดนแสงแดด และรังสียูวีต่าง ๆ ทำร้ายจนเกิดจุดด่างดำกวนใจ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายในแต่ละวัน

หัตถการแบบไหนที่เหมาะกับเรา

นอกจากการดูแลผิวด้วยตัวเองแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสกผิวสวยสุขภาพดีตามเทรนด์ของเกาหลีได้ นั่นคือ การทำหัตถการ เรามาดูกันว่าอยากให้ผิวหน้ากระจ่างใส มีหัตถการอะไรที่ตอบโจทย์บ้าง

  • การทำทรีตเมนต์ เขาว่ากันว่าการบำรุงผิวอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผิวหน้าสวยฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับขึ้นมาได้เช่นกัน การทำทรีตเมนต์หน้าเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ สำหรับทรีตเมนต์ที่ Napassaree Clinic มี D-cool Bright Treatment เป็นทรีตเมนต์หน้าเงาแบบสาวเกาหลี ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เติมออกซิเจนให้ผิวเปล่งปลั่ง และผลักวิตามินเข้าผิวอย่างล้ำลึกด้วยความเย็น -5 องศา เพื่อให้ผิวของเราอิ่มฟู เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เข็ม ใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามมาตามช่องทางต่าง ๆ ของเราได้เลย
  • ให้วิตามินผิว IV Therapy Program เป็นการให้สารน้ำที่ประกอบไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่จำเป็นต่าง ๆ ของร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที โดยสูตรวิตามินจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน หลังจากให้วิตามินไปแล้วร่างกายจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และผิวดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา
  • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฟื้นฟูผิวโดยการฉีดสารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อให้ผิวหน้าอิ่มฟู ตึงกระชับ ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง รวมไปถึงให้ผิวฉ่ำวาวราวกับผิวกระจกตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมกัน มีทั้งหมด 2 ชนิด คือ
    • Belotero Revive ฟิลเลอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับงานกู้ผิวให้กลับมาดูสวยฉ่ำ ชุ่มชื้น และอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไฮยาลูรอนิก และกลีเซอรอลที่ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำดีขึ้น ทำให้ผิวดูเปล่งประกาย ชุ่มชื้น และมีออร่ายาวนาน
    • Juvederm Skinvive เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดสูตรพิเศษแบบไมโครดรอปเล็ท (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ตัวใหม่ล่าสุดของ Juvederm ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเป็นพิเศษ เนื้อนิ่มละเอียด ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้ดีกว่า กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีกว่า จึงทำให้ผิวสวยฉ่ำอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า
    • Rejuran Healer เป็นวิตามินผิวที่มีสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนเป็นส่วนผสมหลัก โดดเด่นด้านการกระตุ้น Growth Factor สร้างผิวใหม่ ช่วยฟื้นฟูผิวได้ทันที ทั้งยังลดการอักเสบของผิว ปรับสมดุลผิว ช่วยลดรอยสิว และเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วย

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการหน้าใสแบบเกาหลี

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ทำหัตถการมาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคือง
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 3 วันแรก
  • ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ
  • ใช้สกินแคร์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้น
  • หากพบความผิดปกติหลังจากทำหัตถการ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+
หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

เมื่ออายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็เริ่มเข้ามาทักทายเป็นเงาตามตัว จะดีกว่าไหมถ้าเรามีวิธียกกระชับหน้าอย่างได้ผล เพื่อให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึง ไร้ริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
ถึงแม้จะรู้ว่าพอเข้าวัย 30 คอลลาเจน และอิลาสตินต่าง ๆ ในชั้นใต้ผิวจะลดลงเรื่อย ๆ ตามกลไกทางธรรมชาติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอเห็นริ้วรอย และความหย่อนคล้อยที่ปรากฏชัดบนใบหน้าก็อดกังวลใจไม่ได้ทุกที Napassaree Clinic เข้าใจปัญหาผิวหย่อนคล้อยนี้ จึงมีเทคนิคกอบกู้ใบหน้าเต่งตึง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติมาแนะนำกัน เราไปดูกันดีกว่าว่าปัญหาผิวหน้าแบบไหน เหมาะกับเทคนิคอะไรบ้าง

การยกกระชับหน้าคืออะไร

การกระชับใบหน้า เป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าเพื่อให้ใบหน้ากลับมาเรียบตึง ปราศจากความหย่อนคล้อย และริ้วรอยกวนใจด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว การดึงกล้ามเนื้อ การฉีดสารเติมเต็ม การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเฟิร์มมิ่ง รวมไปถึงการใช้เครื่องมือหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ โดยแต่ละเทคนิควิธีการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาผิว สภาพผิว และความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส และเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้น

สาเหตุของหน้าหย่อนคล้อย

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น อิลาสติน และคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจะเริ่มผลิตได้น้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างใบหน้าอ่อนแอ ผิวจึงดูหย่อนคล้อย
  • แรงโน้มถ่วง เพราะโลกมีแรงโน้มถ่วงให้สิ่งต่าง ๆ ค่อย ๆ ถูกดึงลง ในผู้ที่ผิวหน้าไม่แข็งแรงใบหน้าจึงคล้อยลงได้ง่ายขึ้น
  • แสงแดด รังสียูวีในแสงแดด มีส่วนทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ จนนำไปสู่ความหย่อนคล้อยในที่สุด
  • กรรมพันธุ์ ความยืดหยุ่น และโครงสร้างผิวสามารถถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรม ในผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยไว และมากกว่าผู้อื่น ส่วนหนึ่งอาจมาจากพันธุกรรมที่ได้รับมา
  • ไขมัน เมื่อชั้นไขมันในผิวลดลง ผิวจึงเกิดการยุบตัว ส่งผลให้ขาดความตึงกระชับ และหย่อนคล้อยลงในที่สุด
    กิจวัตรประจำวันที่ส่งผลเสียต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม
  • แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความเครียด ล้วนส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด และการสร้างคอลลาเจนที่ลดลงทั้งสิ้น

วิธียกกระชับหน้าให้เต่งตึง มีอะไรบ้าง

หัตถการสำหรับการยกกระชับหน้า มีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน ดังนี้ 

  • การร้อยไหม เป็นเทคนิคการกระชับผิวหน้าโดยการใช้เส้นไหมชนิดละลายได้ที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ สอดเข้าไปในชั้นใต้ผิวเพื่อดึงผิวบริเวณนั้นให้กระชับขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และมีความยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก
  • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิกที่มีความปลอดภัยสูง เพราะร่างกายสามารถผลิตได้เอง ไปยังบริเวณผิวที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย เพื่อเติมเต็มร่องริ้วรอยนั้นให้เต่งตึง ดูกระชับ และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย และมีร่องริ้วรอยลึก ขาดความยืดหยุ่น
  • การใช้เครื่องยกกระชับหน้า ในปัจจุบันมีเครื่องกระชับใบหน้าเกิดขึ้นมามากมาย เพื่อตอบโจทย์การกระชับผิวในหลากหลายรูปแบบ โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยอย่างได้ผล และช่วยกระตุ้นคอลลาเจน รวมไปถึงอิลาสตินในชั้นผิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับตัวอย่างเครื่องมือยกกระชับหน้ายอดนิยม ประกอบไปด้วย
    • Ulthera นวัตกรรมกระชับผิวด้วยการส่งคลื่นพลังงานอัลตราซาวน์ความถี่สูงลงไปในชั้นผิว SMAS เพื่อให้ชั้นผิวหดตัว บริเวณที่หย่อนคล้อยจึงกระชับมากยิ่งขึ้น คอลลาเจน และอิลาสตินถูกกระตุ้นให้สร้างเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีชั้นไขมันน้อย
    • Hifu เป็นนวัตกรรมกระชับใบหน้าด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวน์ความเข้มข้นสูงเช่นเดียวกับ Ulthera ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลาง
    • Thermage เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงที่เจาะจงตำแหน่ง โดยเครื่องมือจะส่งพลังงานความร้อนลงลึกได้ถึง 3 ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสลายไขมันส่วนเกิน ทำให้ผิวแน่น ตึงกระชับ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
    •  Thermalift เครื่องมือนี้เหมาะทั้งสำหรับกระชับผิว และสลายไขมันส่วนเกิน ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และช่วยซ่อมแซมโครงสร้างผิวชั้นในได้ด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุชนิดพิเศษความถี่สม่ำเสมอลงสู่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิวหนัง ชั้นไขมันใต้ผิว ชั้นเนื้อเยื่อ และชั้นพังผืด ทั้งยังช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรง และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
    • New Doublo 2.0 เป็นเครื่องกระชับผิวเทคโนโลยีใหม่ที่รวมเอาพลังงานสำคัญ 2 ชนิดไว้ด้วยกัน คือ คลื่นเสียง – MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลื่นวิทยุ – RF (Radio Frequency) เพิ่มเอฟเฟคการกระชับขึ้นเป็นสองเท่า ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ทำให้หน้ากระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังอิ่มฟู รูขุมขนแน่น แม้ในผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน หรือบริเวณที่มีไขมันจำนวนมากก็สามารถกระชับขึ้นมาได้ แถมยังเจ็บน้อยกว่าเครื่องมืออื่น ๆ เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลดีขึ้นภายใน 1-3 เดือน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากกระชับใบหน้าด้วยเครื่องมือ New Doublo 2.0 จากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Synergy Effect สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดมาที่ Napassaree Clinic ได้เลย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และความงามพร้อมให้คำปรึกษาทุกเคส ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

วิธีดูแลตัวเองหลังยกกระชับหน้า

  • หลีกเลี่ยงการแกะ เกา ลูบ หรือสัมผัสใบหน้าแรง ๆ บริเวณที่ทำหัตถการมา
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการอบไอน้ำ ซาวน่า เข้าสปา หรือกินอาหารหน้าเตาร้อน ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และหมั่นทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตรเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดการระคายเคือง



อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ถึงเวลาบอกลาหน้าเป็นฝ้าด้วย เลเซอร์ฝ้า

ถึงเวลาบอกลาหน้าเป็นฝ้าด้วย เลเซอร์ฝ้า

หน้าพังเพราะแดดทำให้เกิดฝ้ากระอยู่รึเปล่า เรามาจบปัญหานี้ด้วยการเลเซอร์ฝ้ากันดีไหม นอกจากจะช่วยให้ฝ้า กระ จางลงแล้ว ยังคืนความสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติให้เราได้อีกด้วย

ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของหน้าสวยกระจ่างใสกันทั้งนั้น แต่เมื่อดูใบหน้าใกล้ ๆ กลับเห็นร่องรอยของฝ้าเจ้ากรรมกระจายตัวอยู่เต็มใบหน้าไปหมด ถึงแม้จะขยันทาครีมรักษาฝ้า หรือทาครีมกันแดดสม่ำเสมอแค่ไหนฝ้าก็ยังไม่จางหายไปสักที Napassaree Clinic มีอีกหนึ่งทางออกเพื่อลดปัญหาฝ้ากวนใจมาแนะนำ นั่นคือ การเลเซอร์ 

เลเซอร์ฝ้า คืออะไร มีอะไรบ้าง

เป็นหัตถการที่ใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นสูงยิงไปยังบริเวณที่เกิดฝ้า หรือบริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอเพื่อยับยั้งการผลิตเมลานินใต้ชั้นผิวหนังอย่างตรงจุด และรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงน้อยที่สุด โดยแพทย์จะปรับความยาวคลื่นของแสงเลเซอร์ไปตามลักษณะของปัญหา ความลึกของฝ้า และบริเวณที่ต้องการเลเซอร์ เพื่อให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วยในเวลาเดียวกัน

โดยทั่วไปการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ มักเป็นการรักษาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้รอยฝ้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด แพทย์จะพิจารณาให้ใช้เลเซอร์กลุ่มยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสี เช่น Q-Switch Laser หรือ Pico Laser โดยวินิจฉัยจากปัญหาฝ้า ลักษณะผิวหน้า รวมไปถึงพิจารณาความต้องการของคนไข้ร่วมด้วย

  • Pico Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ยอดนิยมที่ปล่อยพลังงานความถี่สูงด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาทีออกมาเพื่อลดความเข้มของเม็ดสีอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลไว แต่อาจมีอาการหน้าแดง และต้องใช้เวลาพักฟื้น
  • Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงาน 2 ช่วง เพื่อลดปัญหารอยดำ รอยแดง รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ

ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้า (Melasma) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผลิตเมลานินออกมามากผิดปกติ โดยส่วนใหญ่มักถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ เครื่องสำอางบางชนิด และแสงแดด ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด โดยฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าจะมีลักษณะเป็นแผ่น หรือปื้นสีอ่อนไปจนกระทั่งสีเข้ม มักเห็นได้ชัดบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ อาทิ หน้าผาก โหนกแก้ม ลำคอ และตามผิวกาย แบ่งประเภทย่อยออกเป็น ฝ้าแดดที่เกิดจากแสงแดดเป็นหลัก, ฝ้าตื้นที่เกิดจากการผลิตเมลานินผิดปกติในชั้นหนังกำพร้า และฝ้าลึกที่มาจากการผลิตเม็ดสีผิดปกติในชั้นใต้ผิว

วิธีป้องกันการเกิดฝ้า

  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป แม้จะไม่ได้ออกไปไหน เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
  • พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด กางร่ม หรือสวมหมวกทุกครั้งที่ต้องออกแดด
  • หากต้องทำกิจกรรมกลางแดดนาน ๆ ควรพกครีมกันแดดไปทาระหว่างวันด้วย
  • หมั่นบำรุงผิว เพื่อฟื้นฟูผิวจากความเหนื่อยล้า และแสงแดดที่เข้ามาทำลายผิว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ การผลิตเมลานินทำงานอย่างเป็นปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเสี่ยงให้ผิวเกิดการระคายเคือง และอาจมีสารเคมีที่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้

ลบรอยฝ้าอย่างได้ผล ต้องทำอย่างไร

ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ฝ้ารักษาไม่หาย แต่เราสามารถลดความเข้มของฝ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าลึกไปมากกว่านี้จนก่อให้เกิดปัญหากวนใจในภายหลังได้ หากเราอยากเป็นเจ้าของใบหน้าที่ดูเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • ทายารักษาฝ้า การทายาเป็นขั้นตอนการรักษาฝ้าเบื้องต้นที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ โดยยานั้น ๆ จะเป็นยาในกลุ่มของไวท์เทนนิ่ง หรือยาที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี เพื่อให้ฝ้าดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ทาครีมกันแดด เมื่อทาครีมเพื่อลดรอยฝ้าแล้ว สิ่งต่อมาคือทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ฝ้าสีเข้มกว่าเดิม และเกิดฝ้าใหม่อีกในอนาคต
  • กินยายับยั้งการผลิตเม็ดสีทั่วร่างกาย ในเคสที่มีฝ้าเกิดขึ้นทั่วหน้า หรือตามร่างกายในปริมาณมาก แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่มักจ่ายยาเพื่อลดการผลิตเม็ดสีของร่างกายมาให้คนไข้ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงต่อไป แต่ทั้งนี้การกินยาต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย
  • การผลัดเซลล์ผิว ในกรณีที่เป็นฝ้าชนิดตื้น สามารถลดรอยฝ้าโดยการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ การใช้กรดผลไม้ การสครับหน้า รวมไปถึงการกรอผิวเพื่อให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • การเลเซอร์ฝ้า เป็นอีกหนึ่งวิธีลดรอยฝ้าที่เห็นผลเร็ว และเห็นผลชัดเจน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง แต่การเลเซอร์เหมาะสำหรับการกำจัดฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก
  • การฉีดเมโสฝ้า เหมาะสำหรับลดรอยฝ้าในผู้ที่มีฝ้าลึก โดยแพทย์จะผสมตัวยาให้เหมาะกับปัญหาฝ้า และลักษณะผิวหน้าของคนไข้มากที่สุด

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้า

  • ดูแลผิวหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ไม่ควรแกะ เกา หรือจับหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงการโดนแดดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังยิงเลเซอร์ไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  • ใช้สกินแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นกับใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี