หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ
หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

อยากรู้ไหมว่า Sculptra เคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวดูตึงกระชับ สวยอ่อนเยาว์ราวกับสาวแรกแย้ม คืออะไร ช่วยเรื่องไหน แล้วมีขั้นตอนการดูแลผิวหลังฉีดอย่างไร เรารวบรวมข้อควรรู้ทั้งหมดมาไว้ให้ในบทความนี้ ไปติดตามดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวสวยอิ่มฟูด้วยกันทั้งนั้น เพราะการที่เรามีผิวหน้าอิ่มน้ำ ยืดหยุ่น นุ่มฟู รูขุมขนกระชับ ทั้งยังสว่างกระจ่างใสแม้จะอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลย ย่อมทำให้ผิวหน้าเราดูอ่อนเยาว์ขึ้น แถมยังดูสดชื่นสุขภาพดีได้เช่นกัน สำหรับคนที่อยากกอบกู้ผิวหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง เรามี Sculptra เทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวรูปแบบใหม่ ที่ช่วยกระตุ้นผิวจากภายในอย่างอ่อนโยน และปลอดภัยมาแนะนำ

Sculptra คืออะไร

Sculptra คืออนุภาคของ Poly-L-Lactic acid (PLLA) ที่เป็นสารกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปตามธรรมชาติ ให้ผิวกลับมายืดหยุ่น เต่งตึง รูขุมขนกระชับ และมีผิวเนียนละเอียดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการช่วยให้ผิวแข็งแรงจากโครงสร้างผิวชั้นลึกอย่างอ่อนโยน แม้ว่าอายุจะล่วงเลยก็สามารถคืนความอ่อนเยาว์มาสู่ผิวหน้าได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ Sculptra ยังผลิตจากสารธรรมชาติ สังเคราะห์จากพืช จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่ตกค้างอยู่ภายในชั้นผิว ทั้งยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และ อย. ในไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงมั่นใจได้ว่าการฉีด Sculptra ปลอดภัยต่อร่างกายอย่างแน่นอน

การฉีด Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยลึกให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ยกกระชับผิวให้กลับมาตึงกระชับ
  • คืนความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก
  • ช่วยให้หน้าแน่น อิ่มฟู รูขุมขนดูเล็กลง

Sculptra ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

การฉีด Sculptra สามารถทำได้หลายตำแหน่งเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยส่วนใหญ่มักฉีดตามจุดต่าง ๆ ต่อไปนี้ เพื่อให้รูปหน้าดูสวยงาม และมีผิวหน้าโดยรวมอ่อนเยาว์ขึ้น

  • ขมับ การฉีดบริเวณนี้จะช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ขมับดูอิ่มฟู แก้ปัญหาขมับตอบ ทั้งยังยกหางตา และหางคิ้วให้กระชับขึ้นได้อีกด้วย
  • กรอบหน้า เพื่อให้กรอบหน้าชัดขึ้น ใบหน้าดูยกกระชับไม่หย่อนคล้อย
  • หน้าแก้ม เพื่อให้แก้มเต่งตึง รูขุมขนกระชับ แก้ปัญหาหน้าตอบ และลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม

ใครที่เหมาะสำหรับการฉีด Sculptra

  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะคอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดลง
  • ผู้ที่มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน
  • ผู้ที่อยากให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวา
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ
  • ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่อยากให้ผิวมีความนุ่มฟู รูขุมขนเล็กลง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน เพราะไม่มีเวลามาฉีดบ่อย

ใครที่ไม่ควรฉีด Sculptra บ้าง

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่บริเวณผิวหนังที่ฉีดเกิดการอักเสบ หรือมีการติดเชื้อ
  • ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra คือ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) และ Non-pyrogenic mannitol

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra

  • งดยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก อาทิ ยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวฟกช้ำ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ 3 วันก่อนฉีด
  • หากมีโรคประจำตัว กำลังกินยา หรือมีประวัติแพ้ยา ให้รีบแจ้งแพทย์ก่อนการฉีดเสมอ
  • เว้นระยะห่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • ต้องไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์

วิธีดูแลหน้าหลังฉีด Sculptra

ถึงแม้หลังฉีด Sculptra จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

    • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อลดอาการบวม
    • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังฉีด
    • หลักเลี่ยงความร้อนต่าง ๆ เช่น การอบซาวน่า การอบไอน้ำ การกินอาหารหน้าเตาร้อน ๆ หลังฉีด 24 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ เป็นเวลา 1 เดือน
    • นวดหน้าตามหลัก Triple 5 วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน เพื่อให้ยากระจายตัวทั่วใบหน้า
    • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือแสงยูวี จนกว่าอาการบวมแดงจะหายไป

การฉีด Sculptra ราคาเท่าไหร่

การฉีด Sculptra มีราคาแตกต่างกันไปตามคลินิก และสถานพยาบาลที่เราเลือกใช้บริการ แต่โดยส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ 20,000-40,000 บาทต่อขวด ซึ่งใน 1 ขวดมี 10 ซีซี สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดเพียงขวดเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับผิว อยากให้ผิวดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วน Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มส่วนที่หายไปแบบเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก หรือริมฝีปาก

  • ต้องฉีดบ่อยแค่ไหนจึงจะเห็นผล

ตอบ หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวหน้าคุณจะดูอิ่มฟู และดูสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ  โดยผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ไปอีกนานประมาณ 2 ปี

  • Sculptra ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่

ตอบ ได้ เพราะ Sculptra เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อให้ผิวตึงกระชับ มีความยืดหยุ่นดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาอีกครั้ง หากทำร่วมกับหัตถการอื่น อาทิ Ulthera หรือ HIFU ผิวก็จะยิ่งกระชับอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ทั้งนี้ควรเลือกใช้บริการที่คลินิกความงามที่ได้มารตฐานและเลือกปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเคสก่อน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมปลอดภัยจะดีที่สุด

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่
สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

อยากหน้าใสไร้สิว เผยผิวสวยปังแต่หน้ายังพังเพราะสิว ทำยังไงดี ? ใครที่กำลังเจอปัญหาสิวบุก สิวก่อกวนอยู่ อย่าเพิ่งใจร้อนรีบบีบออก เราต้องทำความเข้าใจต้นตอของปัญหาสิวก่อน เพื่อจะได้กำจัดสิวตัวร้ายจากต้นตออย่างอยู่หมัด ไม่ขึ้นมากวนใจเราอีกต่อไป
ปัญหาสิวกวนใจเป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที เพราะสิวตัวร้ายนี้นอกจากจะขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ตรงนั้นยุบตรงนี้ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วยังสร้างความรำคาญใจจนทำให้เราสูญเสียความมั่นใจไปด้วย จะไปเที่ยวที่ไหน นัดเดทกับใครก็ไม่กล้า ยิ่งสำหรับบางคนที่หน้าเป็นสิวบ่อย ๆ ขึ้นซ้ำ ๆ อยากจะทายารักษาสิว แต่พอทาไปแล้วก็เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งอาการแสบหน้า หน้าแห้ง หน้าลอก จนไม่รู้จะเอายังไงกับความยุ่งยากนี้ดี

 แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะ คลินิกความงาม Napassaree Clinic มีเคล็ดลับกำจัดสิวดี ๆ สไตล์สาวยุคใหม่มาแนะนำ
ส่วนใครที่อยากปรึกษาปัญหาสิวกวนใจกับ Napassaree Clinic ติดต่อมาตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย เรามีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนวัตกรรมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ ยิงเลเซอร์ การปรับโครงหน้าควบคู่กับการลดเลือนริ้วรอย รวมทั้งเทคนิคเพิ่มความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ คอยให้คำปรึกษาทุกเคส ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแน่นอน

สิวเกิดจากอะไร

มาเริ่มกันที่ต้นเหตุก่อนเลย สิวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากฮอร์โมนของร่างกาย สภาวะแวดล้อม มลภาวะ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงความสะอาดของแต่ละคน ซึ่งเราสรุปสาเหตุหลัก ๆ มาให้ดังนี้

  • สิวที่เกิดจากฮอร์โมน

ทุกคนมีฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันกันอยู่แล้ว โดยส่วนมากฮอร์โมนตัวนี้จะมีปริมาณมากขึ้นเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงวัยนี้จึงเป็นวัยที่สิวขึ้นเยอะจนน่าตกใจ และสิวนี้อาจอยู่กับเราไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

  • การใช้เครื่องสำอางต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นครีม รองพื้น แป้ง บลัชออน ที่เราทาลงผิวทุกวัน มีโอกาสเข้าไปอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดสิวตามมาได้

  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

อาทิ พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด สูบบุหรี่ หรือไม่ทำความสะอาดร่างกายให้ดี ก็จะพบสิวขึ้นได้ง่ายกว่าในช่วงปกติ 

  • มลภาวะและสิ่งแวดล้อม

ฝุ่นละออง ควัน มลพิษทางอากาศ จะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเกาะติด และอุดตันรูขุมขนได้ หากเราไม่ทำความสะอาดให้ดีก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

อยากหน้าใสไร้สิว มีวิธีรักษาอย่างไร?

  • การกินยา 

เป็นวิธีรักษาสิวในระดับรุนแรง และเป็นการรักษาที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น โดยส่วนมาก ยาที่เรากินจะเข้าไปช่วยลดปัญหาความมันที่ก่อให้เกิดการอุดตัน แต่บางตัวอาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งลอก ปากแห้ง และผิวไวต่อแสงได้ ทั้งนี้จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ อย่าซื้อยากินเองเด็ดขาด

  • ทายารักษาสิว

ยารักษาสิวแบบทาเป็นวิธีการรักษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งโดยปกติแล้วครีมหรือยาทารักษาสิวจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว รวมถึงช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว จึงช่วยให้สิวที่ผุดขึ้นมายุบตัวลงได้

  • หัตถการทางการแพทย์

ตัวเลือกที่เห็นผลไวแบบทันตาเห็น คือ การทำหัตถการทางการแพทย์ วิธีนี้เป็นทางเลือกในการรักษาที่ค่อนข้างนิยมเพราะมีผลข้างเคียงน้อย แต่ให้ประสิทธิภาพดี และเห็นผลไว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อลดรอยแดง รักษาหลุมสิว หรือฉีดยาลดการอักเสบ แต่การรักษาสิวด้วยวิธีนี้ จำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด

อยากให้รอยสิวจางไว ต้องทำอย่างไร

รอยสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ รอยแดง รอยดำ และหลุมสิว ซึ่งรอยสิวแต่ละประเภทใช้ระยะเวลานานหลักเดือนกว่าจะหายไปเองตามธรรมชาติทั้งสิ้น หากใครที่อยากลดเลือนรอยสิวให้หายไปจากใบหน้า เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำ ดังนี้

  • ใช้สกินแคร์ลดรอยสิว จุดด่างดำ

วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะสามารถทำได้ด้วยตนเองด้วยการใช้สกินแคร์สูตรลดรอยสิวที่มีส่วนผสมช่วยลดภาวะการอักเสบของผิว และทำให้รอยสิวจางลง ในบริเวณที่มีรอยสิวเป็นประจำ แต่วิธีนี้ใช้เวลานาน และต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่อยากให้รอยสิวจางในระยะเวลาที่จำกัด

  • การสครับลดรอยสิว

เป็นการใช้สครับสูตรอ่อนโยนกำจัดรอยสิว และเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพบนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ แนะนำว่าควรใช้สครับที่เหมาะกับสภาพผิวจะช่วยถนอมผิวหน้าได้ดีที่สุด แต่การสครับผิวไม่สามารถทำได้บ่อย ควรสครับสัปดาห์ละ 2 ครั้งกำลังดี

  • ใช้ยาทาแผลเป็น

ยาทาแผลเป็นมีฤทธิ์ช่วยรักษารอยสิวได้เช่นกัน โดยเนื้อครีมจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว หากทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องย่อมทำให้รอยสิวจางลงได้ แต่วิธีนี้ต้องใช้ระยะเวลา รวมไปถึงความสม่ำเสมอ กว่าริ้วรอยจะจางหายไปหมดด้วยเช่นกัน

  • การยิงเลเซอร์ด้วย PicoSure Laser

หากใครที่ต้องการให้ หน้าใสไร้สิว อย่างเร่งด่วน หรือไม่อยากปล่อยให้รอยสิวกวนใจอยู่บนใบหน้านานกว่านี้ สามารถกำจัดรอยสิวได้โดยการใช้นวัตกรรม PicoSure Laser ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว รวมไปถึงรอยฝ้ากระต่าง ๆ อย่างได้ผล เลเซอร์ตัวนี้จะเข้าไปกำจัดเม็ดสีเมลานินในชั้นใต้ผิวอย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งความร้อนตกค้างในชั้นผิว มีความปลอดภัยสูง ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย

สำหรับการทำ PicoSure Laser ที่  คลินิกความงาม Napassaree Clinic เราดูแลใส่ใจ และพิถีพิถันในรายละเอียดของผู้มารับบริการทุกขั้นตอน แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างตรงจุดโดยนำนวัตกรรม หรือเทคนิคอื่น ๆ เข้ามาผสานด้วยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งแพทย์ของเรายังมีประสบการณ์ในวงการความงามมามากกว่า 10 ปี การันตีด้วยรางวัลจากหลากหลายสถาบัน คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดจากเรา ผู้ที่สนใจทักมาสอบถามเราได้เลยที่ไลน์ไอดี : @napassareeclinic หรือ คลิก https://bit.ly/2MsBlqj ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

คำถามที่พบบ่อย

  • PicoSure Laser ทําแล้วหน้าจะบางไหม

ตอบ PicoSure Laser เป็นหนึ่งในเครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond laser นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งจะส่งพลังงานผ่านชั้นผิวหนังด้านนอก เพื่อทำปฏิกิริยาให้เกิดช่องว่างใต้ชั้นผิวด้านในซึ่งเป็นบริเวณชั้นหนังแท้โดยตรง จึงไม่มีผลทำให้ผิวบางลงหรือเกิดบาดแผลภายนอกแต่อย่างใด

  • การทำ PicoSure Laser อันตรายไหม

ตอบ ไม่ เพราะ PicoSure Laser เป็นการยิงเลเซอร์โดยใช้เครื่อง Picosecond รุ่นแรกของโลก คิดค้นโดยบริษัท Cynosure Inc. ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยสูง และสามารถกำจัดจุดด่างดำเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร
วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

ด้วยความนิยมของการฉีดฟิลเลอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้มีฟิลเลอร์ปลอมปะปนอยู่ในท้องตลาดมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยง และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจฟิลเลอร์ปลอมไปพร้อม ๆ กัน

ถึงแม้ยุคนี้สมัยนี้ เราจะเสกความงามให้สวยดั่งใจได้ภายในเข็มเดียวด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ ต้องไม่ลืมหาข้อมูล พร้อมทำความเข้าใจหัตถการที่เรากำลังจะทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกครั้งด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา หรืออันตรายต่าง ๆ ขึ้นในภายหลัง ด้วยความห่วงใย วันนี้ Napassare Clinic จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปลอม ที่เริ่มปะปนในท้องตลาดมากขึ้นในตอนนี้กันว่าฟิลเลอร์ชนิดนี้คืออะไร อันตรายแค่ไหน แล้วเรามีวิธีสังเกตอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเลอร์ปลอมโดยไม่รู้ตัว

ฟิลเลอร์ปลอม มาจากไหน และมีลักษณะเป็นอย่างไร

ฟิลเลอร์ปลอม หรือ ฟิลเลอร์ถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่บริสุทธิ์ มักเป็นสารสังเคราะห์อื่น ๆ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน และสาร PMMA (Polymethyl-methacrylate Microspheres) ที่ไม่ผ่านอย. ไทย เมื่อฉีดไปแล้วไม่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และอาจทิ้งสารตกค้างไว้ใต้ผิวจนทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ เป็นก้อน บวมแดง หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นฟิลเลอร์เน่าจนทำให้หน้าเสียรูปทรงได้ แพทย์ต้องผ่าตัดเพื่อขูดเอาฟิลเลอร์ออก หรือผ่าตัดเพื่อเอาออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้

ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปลอม มีอะไรบ้าง

ในระยะแรกที่ฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายจะยังไม่แสดงอาการใดออกมา รูปหน้าของเราจะมีความเรียบเนียนสวยเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์แท้เข้าไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดอาการบ่งชี้ดังต่อไปนี้

  • เนื้อฟิลเลอร์จะเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน 
  • ใบหน้าเริ่มบวม ห้อยไม่เป็นทรง 
  • ผิวหนังที่ฉีดไปเริ่มผิดรูป
  • มีอาการบวม แดง อักเสบติดเชื้อ
  • เนื้อตาย เกิดพังผืด

ถ้าพบว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดไปมีอาการดังที่กล่าวมา แนะนำให้ไปพบแพทย์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเพื่อนำออกโดยด่วน

เราจะสังเกต ฟิลเลอร์แท้ ได้อย่างไร

  • ฟิลเลอร์แท้ เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมจาก Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง มีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งสารตกค้างเพราะสามารถย่อยสลายได้ 100% เมื่อเวลาครบกำหนด
  • ฟิลเลอร์แท้ ที่กล่องจะมีฉลากภาษาไทย ราคา และวันหมดอายุระบุไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีเอกสารกำกับอยู่ภายในกล่องอีกด้วย
  • ฟิลเลอร์แท้จะได้รับการรับรองจาก อย. ไทยอย่างถูกต้อง
  • ราคาของฟิลเลอร์แท้ค่อนข้างคงที่ ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป หากพบการฉีดฟิลเลอร์ที่ราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้
  • บางรุ่นสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของฟิลเลอร์ได้ด้วยตัวเอง
  • สามารถโทรเช็คเลข Lot กับบริษัทผู้จำหน่ายได้โดยตรง

ข้อควรระวังก่อนการฉีดฟิลเลอร์

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ เรามีข้อควรระวังเพื่อหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม ดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

คลินิก หรือสถานพยาบาลที่จะไปเข้ารับบริการ ควรมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย เลขที่อนุญาตควรมี 11 หลัก ติดไว้หน้าคลินิกให้เห็นอย่างชัดเจน มีแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมประจำที่คลินิก มีราคาของแต่ละหัตถการที่สังเกตได้ง่าย ภายในคลินิกสะอาด ปลอดภัย และอุปกรณ์ไม่เสื่อมสภาพ 

  • คลินิกมีรีวิวประกอบการตัดสินใจ

คลินิกที่เราจะเลือกควรมีเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีราคาพร้อมรายละเอียดหัตถการระบุไว้ชัดเจน มีรายชื่อแพทย์ที่เราสามารถตรวจสอบได้จริง มีรีวิวเคสจริงที่น่าเชื่อถือทั้งในเว็บไซต์ของคลินิกเอง และจากแหล่งอื่น ๆ ร่วมด้วย

  • สามารถตรวจสอบแพทย์ได้

แพทย์ที่จะมาฉีดฟิลเลอร์ให้กับเราควรเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เป็นแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านความงามหรือผิวหนัง หรือมีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าแพทย์ที่จะมาดูแลเคสเรามีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ และมีประสบการณ์มากพอ

  • ไม่ควรให้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ให้เด็ดขาด

เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าบุคคลนั้นมีความเชี่ยวชาญมากน้อยเพียงใด และฟิลเลอร์ที่จะฉีดให้เป็นฟิลเลอร์แท้จริงหรือไม่ ควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถตรวจสอบได้จะดีที่สุด

  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ทุกครั้ง

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบฟิลเลอร์ที่จะใช้ทุกครั้งว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ ผ่านการรับรองจาก อย. อย่างถูกต้องแล้วหรือยัง โดยตรวจสอบยี่ห้อ รุ่น เลข Lot รวมไปถึงรายละเอียดอื่น ๆ ดังที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้าให้ครบถ้วน

คำถามที่พบบ่อย

  • หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมไปแล้ว ต้องทำยังไง

ตอบ รีบไปพบแพทย์ที่คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานโดยด่วน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาด้วยการขูดออก หรือการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ปลอมออก ไม่สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้

  • ฟิลเลอร์หิ้ว กับ ฟิลเลอร์ปลอม ต่างกันอย่างไร

ตอบ ฟิลเลอร์หิ้วเป็นได้ทั้งฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์แท้ แต่ถูกลับลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการลงทะเบียน หรือการตรวจสอบที่เหมาะสม อีกทั้งยังไม่มีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง จึงมีความเสี่ยงที่ตัวยาจะเสื่อมสภาพจนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ส่วนฟิลเลอร์ปลอมเป็นฟิลเลอร์ไม่บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเมื่อฉีดเข้าไปได้เหมือนกัน ดังนั้น ฟิลเลอร์ทั้งสองชนิดจึงเป็นฟิลเลอร์อันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

เพราะ Pico Laser เป็นอีกหนึ่งประตูที่ช่วยให้ได้ผิวหน้าเนียนกระจ่างอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่กำลังสนใจหัตถการตัวนี้อยู่ คลินิกความงาม Napassaree อยากชวนทุกคนมาพูดคุยทำความรู้จักให้มากขึ้นกัน

วิธีการที่จะทำให้ได้ผิวกระจ่างใสมีมากมาย หนึ่งในนั้น คือ Pico Laser การเลเซอร์ผิวหน้าที่ช่วยแก้ไขทุกปัญหากวนใจ ไม่ว่าจะรอยสิว หลุมสิว หรือฝ้ากระต่าง ๆ สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่ แล้วอยากรู้ว่าการยิงเลเซอร์ชนิดนี้อันตรายไหม มีทั้งหมดกี่แบบ ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลย

ทำความเข้าใจ Pico Laser คืออะไรกันแน่

Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นนวัตกรรมความงามยุคใหม่ในกลุ่ม Ultrashort Laser ที่ใช้เลเซอร์ปล่อยพลังงานสูงออกมาในช่วงเวลาสั้น ๆ ระดับความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาที ไปยังผิวบริเวณที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำ มีรอยสิว หลุมสิว ฝ้า กระ รอยแผลเป็น และรอยสักต่าง ๆ เพื่อให้เม็ดสีเมลานินเกิดการแตกตัวจนมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ และสลายหายไปในที่สุด ใบหน้าของเราจึงดูกระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ยิงเลเซอร์ไป นอกจากนี้การยิงพิโค่เลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้อีกด้วย

การทำ Pico Laser มีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบช่วยอะไรบ้าง

Pico Laser แต่ละแบบ แบ่งตามประเภทเครื่องยิงเลเซอร์ที่ใช้งาน สำหรับเครื่องที่ผ่านมาตรฐานในไทย ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัยมีทั้งหมด 5 แบบ ซึ่งมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันไป จึงเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่ต่างกัน ดังนี้

  • PicoSure เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ Picosecond รุ่นแรกของโลก คิดค้นโดยบริษัท Cynosure Inc. ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา สามารถยิงเลเซอร์ไปยังชั้นใต้ผิวที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ และไม่เกิดความร้อนสะสมใต้ชั้นผิว เหมาะสำหรับลบเลือนจุดด่างดำ ลบรอยฝ้า กระ รอยแผลเป็นจากสิว รวมไปถึงรอยสักต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้อีกด้วย
  • Discovery Pico เป็นเครื่องจากบริษัท Quanta System ประเทศอิตาลี ใช้หลัก Photoacoustic ในการบีบอัดพลังงานไปยังผิวหนังโดยไม่ใช้ความร้อน เพื่อให้เม็ดสีแตกตัวจนละเอียด และสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ไม่ว่าเม็ดสีนั้นจะอยู่ลึก หรือมีขนาดแค่ไหนก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลบรอยสัก มีรอยจากโรคเม็ดสีผิวผิดปกติ หรือผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง มีรอยแผลเป็น รอยสิว และรอยแดง
  • Enlighten เป็นเครื่องที่ผลิตโดยบริษัท Cutela จากสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับกำจัดสีใต้ผิวหนังที่เกิดจากเม็ดสีผิดปกติ รอยสัก รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อให้เกิดการสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
  • Picoway เป็นเครื่องจากบริษัท Candala ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถสลายเม็ดสีชั้นใต้ผิวได้อย่างละเอียด เพื่อให้ร่างกายย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ผิวชั้นลึกสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผิวจึงแข็งแรง ยืดหยุ่นกว่าเดิม และช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่นได้อีกด้วย เครื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ฝ้ากระ หรือรอยแผลเป็นต่าง ๆ
  • Pico Plus เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ที่คลินิก และสถานพยาบาลส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ผลิตโดยบริษัท Lutronic Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ยิงพลังงานเลเซอร์ออกมาด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาที จึงทำลายเม็ดสีใต้ผิวหนังได้ละเอียด รวดเร็ว อ่อนโยน และทิ้งความร้อนไว้ใต้ชั้นผิวน้อยที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว รอยแตกลาย รวมไปถึงรักษากระเนื้อ

Pico Laser เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำจากสิว หรือมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า
  • ผู้ที่อยากปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว อยากให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดชื่น
  • ผู้ที่มีกระตื้น กระแดด และกระลึก
  • ผู้ที่อยากลบรอยสัก รวมไปถึงปานแดง ปานดำ
  • ผู้ที่มีฝ้า หรือกระจากเม็ดสีที่ผิดปกติ
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน

การเตรียมตัวก่อนการทำ Pico Laser

  • งดยา และอาหารเสริมทุกชนิดที่ทำให้เลือดหยุดยาก
  • งดใช้สกินแคร์ประเภทผลัดเซลล์ผิว หรือกรดต่าง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • งดครับผิว หรือขัดผิว 2-3 วัน เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางลง
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดก่อนมาทำ เพราะผิวอาจบอบบาง ระคายเคืองง่าย
  • ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนทำอย่างน้อย 2-3 วัน

หลังทำ Pico laser ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

  • งดล้างหน้า และงดทาครีมบำรุงผิวหลังยิงเลเซอร์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • หากครบ 24 ชั่วโมงแล้ว
  • แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวในการทำความสะอาดใบหน้า
  • ใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง และมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว
  • อย่าจับ ถู หรือกดใบหน้าแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้จะไม่ได้ออกจากบ้าน เนื่องจากผิวยังอยู่ในช่วงบอบบาง
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประเภท AHA, BHA หรือวิตามิน C ประมาณ 1 อาทิตย์
  • ไม่ควรแกะ หรือเกาแผลตกสะเก็ดเด็ดขาด ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดไปเองตามธรรมชาติ
  • งดแต่งหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
  • หลีกเลี่ยงการพบเจอแสงแดดจัด หรือนั่งอยู่หน้าเตาที่มีความร้อน

คำถามที่พบบ่อย

  • Pico Laser ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

ตอบ โดยทั่วไปสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ใบหน้าของคนไข้จะดูเรียบเนียนกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคน หากใบหน้ามีปัญหาหลายจุด หรือมีรอยกระลึก อาจต้องทำประมาณ 5-6 ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้งเพื่อให้แพทย์จาก คลินิกความงาม Napassaree วางแผนการรักษาที่เหมาะสมปลอดภัย

  • การทำ Pico Laser ทำให้หน้าบางลงจริงไหม

ตอบ ไม่จริง การทำเลเซอร์แล้วหน้าบางลงเป็นเทคโนโลยีแบบเก่าที่เข้าไปสร้างบาดแผลบริเวณผิวหนัง เพื่อลอกผิวหนังชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวบางลง แต่การทำพิโค่เลเซอร์เป็นการใช้เทคโนโลยียุคใหม่ที่ยิงพลังงานไปยังชั้นผิวด้านในจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงไม่ส่งผลให้ผิวหน้าบางลงแต่อย่างใด ทั้งนี้คนไข้ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเช่นกัน

  • ตอนทำ Pico Laser เจ็บไหม

ตอบ อาจมีรู้สึกระคายเคืองที่ผิวเล็กน้อยเหมือนการทำเลเซอร์ทั่วไป แต่ไม่ถึงกับเจ็บ เนื่องจากก่อนแพทย์ทำเลเซอร์ทุกครั้งจะมีการทายาชาเพื่อบรรเทาอาการอยู่แล้ว

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร? ใครบ้างที่ต้องฉีด

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด
มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังสนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ตัวนี้ มาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับ Napassaree Clinic ได้เลย
การแก้ปัญหาใต้ตาลึกโหล คล้ำ มีถุงใต้ตา หรือใต้ตาหย่อนคล้อยดูเหนื่อยล้า ที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยให้ดวงตาของเราสดใสเต่งตึง ตาดูตื่นเหมือนคนได้นอนมาครบ 8 ชั่วโมง ทั้งยังดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดีมากขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน ใครที่อยากเสกดวงตาสวยสดใส เนรมิตดวงตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจให้สดชื่นสุขภาพดี เรามีทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟิลเลอร์ใต้ตามาแบ่งปันกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ต้องฉีดแค่ไหน และมีวิธีการดูแลตัวเองก่อนหลังอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มฟูมากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่นใต้ตา ถุงใต้ตา ตาลึก ตาโหล รวมถึงปัญหาใต้ตาคล้ำได้ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ผิวเรียบเนียนอย่างได้ผล จึงสามารถคืนใบหน้าที่สดใส อ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติให้กับเราได้อีกครั้ง

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ มียี่ห้อไหนบ้าง

ปัจจุบันการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตามีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ และหลายรุ่น เพื่อความปลอดภัยควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อที่ได้มาตรฐาน เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง และผ่านการรับรองจากอย. ประเทศไทย ยี่ห้อหลัก ๆ ที่แพทย์นิยมใช้กัน ได้แก่ Restylane, Juvederm และ Belotero โดยใน 3 ยี่ห้อนี้ จะใช้แก้ปัญหาใต้ตาในสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นใครเหมาะกับยี่ห้อหรือรุ่นใดจะต้องให้แพทย์ประเมินสภาพปัญหาก่อน จึงจะแนะนำรุ่นที่เหมาะสมให้ได้ เพราะฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสำหรับการนำมาใช้จะแตกต่างกันตามปัญหา ส่วนราคาของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคลินิก หรือสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา รวมไปถึงยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วย

ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดไปแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาการคงอยู่ของฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย อาทิ ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ การดูแลตัวเองทั้งก่อน และหลังการฉีดฟิลเลอร์ การรับประทานอาหาร รวมไปถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ใต้ตาจะคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ก่อนจะสลายตัวไปจนหมด แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว ก็จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้นานกว่านั้นได้

ใครบ้างที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาแต่ไม่อยากผ่าตัด และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว รวมถึงคนที่มีปัญหาดังนี้

  • คนที่มีปัญหาร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
  • คนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น กลัวการผ่าตัด
  • ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือปัจจัยทางพันธุกรรม
  • คนที่มีปัญหาเอ็นรอบดวงตาหย่อนคล้อย กระดูกเบ้าตาใต้ดวงตาลดลง
  • คนที่ต้องการทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถฉีดได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจต้องเช็กตัวเองก่อน หากจัดอยู่ในกลุ่มคนด้านล่างนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ได้ตา เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ กลุ่มคนที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออก เลือดหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย
  • ผู้ที่มีอาการแพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด
  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อในบริเวณที่ฉีด อาจทำให้ติดเชื้อได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยให้ผิวใต้ตาเต่งตึง แก้ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย
  • แก้ปัญหาถุงใต้ตา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมฐานกระดูก และทดแทนไขมันที่หายไป
  • แก้ปัญหาตาลึกโหล ร่องน้ำตา ร่องใต้ตาลึก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และด้านบนตา จะช่วยทดแทนไขมันที่เคลื่อนลงมาได้
  • แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ยกผิวให้ห่างจากหลอดเลือดใต้ผิวหนัง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว บางคนอาจมีอาการบวมที่บริเวณใต้ตาในจุดที่ฉีด แต่จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ซึ่งหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จแล้ว แนะนำให้ดูแลตัวเอง ดังนี้

  • ประคบเย็นที่ใต้ตา จะช่วยลดอาการบวมหลังฉีดได้
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ใต้ผิวยาวนานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนที่บริเวณใต้ตา เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายง่าย
  • งดการทำเลเซอร์ที่ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่

คำถามที่พบบ่อย

  • ถ้าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วเป็นก้อน ต้องทำอย่างไร

ตอบ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วเป็นก้อน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา แพทย์ขาดประสบการณ์ รวมไปถึงใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หากพบว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ควรไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรับการแก้ไขต่อไป

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดได้จริงไหม

ตอบ จริง เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่บอบบาง อีกทั้งยังมีเส้นเลือดฝอยอยู่จำนวนมาก หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ อาจทำให้เข็มแทงทะลุเส้นเลือดจนทำให้อุดตัน จนก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงจนทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ได้รับใบรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมาย และฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทุกครั้ง

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ริมฝีปากบาง ฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้ไหมนะ?

ริมฝีปากบาง ฉีด ฟิลเลอร์ปาก ได้ไหมนะ
ริมฝีปากบาง ฉีด ฟิลเลอร์ปาก ได้ไหมนะ

ริมฝีปากบาง ฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้ไหมนะ

ฟิลเลอร์ปาก เป็นอีกหนึ่งหัตถการความงามยอดนิยมเพื่อให้ริมฝีปากตึงกระชับ เนียนสวย เป็นกระจับ เป็นทรงอย่างที่เราต้องการ ใครที่อยากมีปากกระจับ ปากสายฝอ ปากเกาหลี ปากเซ็กซี่สุขภาพดี ไม่ควรพลาดบทความนี้

ในยุคนี้ สมัยนี้ ไม่มีหัตถการด้านความงามอะไรมาแรงเท่าการฉีดฟิลเลอร์อีกแล้ว เพราะฟิลเลอร์ช่วยปรับแต่ง แก้ไข และช่วยอัพให้ใบหน้าของเราสวยงามสมดุลขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด หนึ่งในการฉีดฟิลเลอร์ที่นิยมมากที่สุด คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ตอบโจทย์คนที่อยากให้ริมฝีปากมีรูปทรงสวยตามต้องการ ทั้งยังให้ขอบปากที่คมชัด แก้ปัญหาปากแห้งแตก ลอกเป็นขุย ให้กลับมาชุ่มชื้นขึ้นได้อีกด้วย วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักการฉีดฟิลเลอร์ปากกันว่า ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ถ้าอยากฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ฉีดปากสายฝอ หรือมีริมฝีปากบาง ต้องทำอย่างไรบ้าง

 

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร

การฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Filler) เป็นหัตถการที่แพทย์จะฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic acid (HA) เข้าไปในริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากดูเต่งตึง เรียบเนียน ไม่เป็นร่อง ให้เป็นทรงสวยตามที่ต้องการ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้โดยที่เราไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดเสร็จเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันที โดยทรงปากยอดนิยมในไทย มีทั้งหมด 2 ทรง คือ

  • ทรงปากกระจับ การ ฉีดปากกระจับ เป็นการฉีดฟิลเลอร์ปากแบบหยักเป็นรูปตัว M มีติ่งกระจับปากบนเพื่อให้รับกับริมฝีปากอวบอิ่มด้านล่าง หลังฉีดใบหน้าของเราจะดูน่ารัก ละมุนอ่อนหวานมากขึ้น
  • ทรงปากสายฝอ การ ฉีดปากสายฝอ เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเน้นความคมชัดของขอบปาก ไม่มีติ่งกระจับ ริมฝีปากของเราจะฟูสวยเต็มอิ่ม ทำให้ใบหน้าของเราดูสวยเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น

ริมฝีปากบางแบบนี้ ฉีดฟิลเลอร์ปากได้ไหม

สำหรับคนที่รู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองค่อนข้างบาง เรียวเล็ก หรือไปทำศัลยกรรมตัดปากมา แล้วอยากให้ปากดูอวบอิ่มเต่งตึง สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเพิ่มวอลลุ่มได้ โดยปริมาณที่ควรฉีดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ใครที่ประสบปัญหานี้อยู่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ และปลอดภัยมากกว่า

ใครที่ควรฉีดฟิลเลอร์ปากบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาเนื้อปากไม่เท่ากัน ทำให้ริมฝีปากไม่สมดุล ดูไม่เป็นทรง
  • ผู้ที่ริมฝีปากแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ปากเป็นร่องไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่มุมปากตก อยากให้มุมปากยกขึ้นเป็นทรงสวย เพื่อให้ใบหน้าดูเป็นมิตรขึ้น
  • ผู้ที่ริมฝีปากหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับจากอายุที่มากขึ้น
  • ผู้ที่มีริมฝีปากบางเกินไป
  • ผู้ที่อยากเสริมโหงวเฮ้ง อยากแก้ไขใบหน้าให้ตรงตามตำราเพื่อเสริมความเป็นศิริมงคล

ฟิลเลอร์สำหรับริมฝีปาก เป็นฟิลเลอร์แบบไหน ยี่ห้ออะไรบ้าง

ฟิลเลอร์สำหรับฉีดปาก ส่วนใหญ่เป็นฟิลเลอร์ชั่วคราวที่มี กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid หรือ HA) เป็นสารเติมเต็ม ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ ทั้งยังมีความนิ่ม ยืดหยุ่น แต่ก็คงตัวสูง ปั้นขึ้นรูปได้ หลังฉีดไปแล้วจะได้ริมฝีปากที่อวบอิ่มดูเป็นธรรมชาติ 

สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อ และรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาใช้ฉีดปาก ส่วนใหญ่เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ละเอียด ที่มีค่าอุ้มน้ำสูง ยืดหยุ่นได้ดี เพราะริมฝีปากมีการขยับบ่อย ตัวอย่างยี่ห้อที่นิยมใช้กัน อาทิ

  • Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่โดดเด่นเรื่องการเติมร่องริ้วรอย มีความคงตัวสูง และมีรุ่นที่ผลิตมาเพื่อให้เติมริมฝีปากได้ ฉีดแล้วอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Juvederm ฟิลเลอร์จากอเมริกาที่ผสมยาชาไว้ทุกรุ่น เวลาฉีดจึงไม่รู้สึกเจ็บ เนื้อฟิลเลอร์เนียนละเอียด หลังฉีดแล้วริมฝีปากเราจะเรียบเนียน นุ่ม ชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
  • Restylane ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ผลิตจากประเทศสวีเดน มีรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ คือ KYSSE เป็นรุ่นที่มีเนื้อละเอียด คงตัวสูง ปลอดภัย ช่วยให้ริมฝีปากเราอิ่มฟู และชุ่มชื้นขึ้น หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

ทั้งนี้ ระยะเวลา และปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์ปาก ขึ้นอยู่กับริมฝีปากของแต่ละคน รวมไปถึงการดูแลรักษา แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้งเพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อควรระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ใครที่ฉีดไม่ได้

    • ผู้ที่มีประวัติแพ้กรดไฮยาลูโรนิก
    • ผู้ที่เป็นโรคเริม หรืองูสวัด
    • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
    • ผู้ที่มีผิวหนังบริเวณริมฝีปาก หรือบริเวณใกล้เคียงอักเสบอยู่

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

    • งดการทาลิปสติกอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด
    • งดดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์หลังฉีด
    • ดื่มน้ำเยอะ ๆ ริมฝีปากของเราจะได้ฟูสวยได้รูป

คำถามที่พบบ่อย

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปากไปแล้ว บวมนานไหม

ตอบ ริมฝีปากจะบวมหลังฉีดไปประมาณ 3-7 วัน และจะค่อย ๆ ยุบลงไปเองตามธรรมชาติ สามารถใช้การประคบเย็นช่วยลดอาการบวมได้ ส่วนทรงปากจะเห็นผลลัพธ์สวยงามชัดเจนขึ้นหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์

  • ทำไมฉีดฟิลเลอร์ปากไปแล้วถึงเป็นก้อน

ตอบ การฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วรู้สึกเป็นก้อน ไม่กลืนเรียบเนียนไปทั้งหมด เป็นเรื่องปกติ เพราะฟิลเลอร์ยังไม่กลืนไปกับผิวดี หลังจากผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ก้อนเหล่านั้นจะค่อย ๆ เรียบเนียน และจางหายไปเอง แต่ถ้าก้อนนั้นยังคงอยู่ ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรจัดทรง บีบ หรือนวดเอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้

  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ ซีซี

ตอบ โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้ประมาณ 1 ซีซี เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ในกรณีที่มีริมฝีปากค่อนข้างบาง และอยากฉีดปากสายฝอที่เต่งตึงอวบอิ่ม อาจต้องเพิ่มปริมาณเป็น 2 ซีซี เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความปลอดภัยของแต่ละเคสด้วย

  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเรื่องปากคล้ำได้ไหม

ตอบ ช่วยทางอ้อม ถึงแม้การฉีดฟิลเลอร์ปากจะไม่ได้ช่วยให้ริมฝีปากหายคล้ำโดยตรง แต่หลังจากริมฝีปากอวบอิ่ม และชุ่มชื้นมากขึ้น ริมฝีปากเราก็จะดูกระจ่างใสมากขึ้นตามไปด้วย

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

รู้ลึกรู้จริง วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ และก่อนฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ After filler injection
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ After filler injection

รู้ลึกรู้จริง วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ และก่อนฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง

เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง การหาข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ และก่อนฉีดฟิลเลอร์ ที่ครอบคลุม ย่อมส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของฟิลเลอร์ต่าง ๆ ยี่ห้อที่เหมาะสม รวมไปถึงขั้นตอนการฉีดแล้ว อีกหนึ่งข้อมูลที่เราควรรู้ประกอบกันไปด้วย คือ วิธีดูแลตัวเองก่อน และหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะถ้าเราเตรียมตัวมาไม่ดี หรือมีวิธีการดูแลรักษาหลังฉีดที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ฟิลเลอร์อยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร รวมไปถึงอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้อีกด้วย วันนี้ Napassaree Clinic จึงอยากชวนคุณมาทำความเข้าใจวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ทั้งก่อน และหลังฉีดฟิลเลอร์กันว่ามีอะไรควรทำ และไม่ควรทำบ้าง

เตรียมตัวให้ดีก่อนฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย มีรายละเอียดดังนี้

  • ตรวจสอบรายละเอียดฟิลเลอร์ที่จะฉีด ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่เราจะฉีดโดยละเอียด ทั้งยี่ห้อ รุ่นที่ใช้ เลขทะเบียน อย. ที่กล่อง เลขล็อต รวมไปถึงเอกสารกำกับภาษาไทย เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
  • งดยาหรือวิตามินบางตัว ควรงดยาแอสไพรินในกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac และ Ponstan รวมไปถึงวิตามินบางตัว อาทิ Vitamin E, St. Johns Wort, Fish Oil, Primrose Oil, Garlic, Ginkgo Biloba และ Ginseng ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะยา และวิตามินเหล่านี้มีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้า เสี่ยงต่อการช้ำหลังฉีดได้ แนะนำว่าใครที่กินยา หรือวิตามินเหล่านี้เป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง

งดสกินแคร์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว ถ้าสกินแคร์ที่ใช้อยู่มีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่าง BHA AHA หรือ Retinoids Glycolic Acid ควรงดการใช้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 3 วัน เพราะอาจส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคืองง่ายขึ้นได้

ใครบ้างที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามจุดต่าง ๆ อาทิ ใต้ตา แก้ม และหน้าผาก
  • ผู้ที่อยากลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยตามจุดต่าง ๆ
  • ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ร่องน้ำตาลึก
  • ผู้ที่อยากให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มฟู
  • ผู้ที่มีปัญหารอยสิว หลุมสิว และมีรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่ต้องการให้หน้าเข้ารูป เป็นทรง มีสัดส่วนสมดุล
  • ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริมฝีปากไม่เท่ากัน ไม่ได้รูป หรือริมฝีปากบาง
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ด้วยการเติมฟิลเลอร์ตามส่วนต่าง ๆ อาทิ จมูก คาง และหน้าผาก

ข้อควรระวังที่ “ควรรู้” ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ ความถูกต้องของการฉีด รวมไปถึงความแม่นยำของแพทย์ แต่ส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง และจะหายไปหลังจากผ่านไป 2-3 วัน
  • หากเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตุ่ม ก้อน มีหนอง หรือน้ำเหลืองไหลซึม ปวด บวมแดง ควรไปพบแพทย์โดยด่วน
  • เลือกคลินิก และสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์ที่มีใบอนุญาตทุกครั้ง และควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านความงาม และผิวหนังด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ที่จะฉีดทุกครั้ง เพื่อให้เรามั่นใจว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นฟิลเลอร์แท้ ไม่ใช่ฟิลเลอร์ปลอม หากเราปล่อยให้ฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกาย อาจเกิดอันตรายต่อตัวเราจนทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว
  • ดูรีวิวประกอบการตัดสินใจทุกครั้ง ควรเป็นรีวิวที่น่าเชื่อถือ และมาจากแหล่งอื่นนอกเหนือไปจากรีวิวบนเว็บไซต์ของคลินิกเองด้วย ไม่ควรเลือกคลินิกที่โฆษณาเกินจริง หรือมีโปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ราคาถูก เพราะอาจเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอมได้นั่นเอง

ข้อปฏิบัติ และ วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

  • กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดระบมบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือกดทับบริเวณที่ฉีด รวมไปถึงห้ามนวด คลึง หรือปั้นทรงเองโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เสียรูป หรือเคลื่อนที่ได้ ควรปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ หากพบว่าฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน บวม หรือมีรูปทรงไม่ถูกใจ ควรมาพบแพทย์จะดีที่สุด
  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด หลังจากผ่านไป 6 ชั่วโมง สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดได้หากมีอาการบวม แต่ควรใช้ผ้าสะอาดห่อไว้ก่อนประคบ เพื่อป้องกันเชื้อโรค และไม่ควรประคบแรง
  • ล้างหน้าเบา ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว 3 ชั่วโมง สามารถดูแลตัวเองได้ตามปกติ แต่ในการล้างหน้า หรือทาสกินแคร์ ควรทำด้วยความเบามือ ไม่ควรใช้สกินแคร์ผลัดเซลล์ผิวในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ เฉลี่ยวันละ 1.5-2 ลิตร เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญให้ฟิลเลอร์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูได้รูป และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเรื่องการฉีดฟิลเลอร์

    • ฟิลเลอร์จะเข้าที่ในกี่วัน

    ตอบ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นที่ฉีด แต่โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่หลังจากผ่านไปประมาณ 7-14 วัน ในช่วงวันแรก ๆ อาจมีอาการบวมบ้าง แต่อาการเหล่านั้นจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน

    • ฉีดฟิลเลอร์ ปลอดภัยไหม

    ตอบ ปลอดภัย เพราะฟิลเลอร์ประกอบด้วยสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง แนะนำให้คนไข้เลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิดร่วมด้วย จะช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จะอยู่นานแค่ไหน

    ตอบ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ตำแหน่งที่ฉีด และวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ แต่โดยส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6-12 เดือน

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

หน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน ทำยังไงดี ฉีดฟิลเลอร์ดีมั้ยนะ

หน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน
หน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน

หน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน ทำยังไงดี ฉีดฟิลเลอร์ดีมั้ยนะ

ปัญหาหน้า 2 ข้างไม่เท่ากันสร้างความกังวลใจให้กับเราไม่น้อย ใครที่กำลังอยากปรับรูปหน้าให้สวยสมดุล คืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง วันนี้เรามีวิธีทำให้หน้าเท่ากันมาแนะนำ ไปดูกันดีกว่าว่าทำอย่างไรได้บ้าง
ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน บางทีก็เหมือนปัญหาสิวที่พอเราเห็นว่ามีแล้ว ความกังวลก็จะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะตอนหันหน้าตรง ความวิตกกังวลยิ่งถาโถมใส่เพราะยิ่งเห็นชัดมากขึ้นไปอีกว่าใบหน้าทั้งสองข้างต่างกันขนาดไหน ทำให้เวลาถ่ายรูปต้องคอยหันข้าง หรือหลบมุมตลอดเวลา ใครที่มีปัญหานี้อยู่ หมดกังวลไปได้เลย เพราะเรามีทางแก้ที่ได้ผลอย่างรวดเร็ว แถมยังไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวมาแนะนำกัน

ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน เกิดจากอะไร

ตามธรรมชาติแล้ว อวัยวะทั้งสองข้างของคนเรา รวมไปถึงใบหน้า มีขนาด และสัดส่วนไม่เท่ากันเป็นเรื่องปกติ แต่จะเป็นสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตก็แทบมองไม่เห็น แต่ก็มีในบางกรณีที่เกิดความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน สำหรับใบหน้าที่ไม่เท่ากัน สามารถจำแนกสาเหตุออกเป็น 5 กลุ่มกว้าง ๆ ได้ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ส่งผลให้การเติบโตของกระดูก และเนื้อเยื่อบนใบหน้าทั้งสองข้างแตกต่างกัน
  • การสะสมของไขมัน หากเรากินอาหารจำพวกไขมัน แป้ง และของหวานมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดไขมันสะสมบริเวณใบหน้าจนทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ผิดสัดส่วนไป
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการนอนตะแคงข้างเดียว การเคี้ยวอาหารข้างเดียว การนั่งเท้าคาง และอื่น ๆ ล้วนส่งผลให้ใบหน้าของเราเบี้ยวผิดรูปได้
  • ทันตกรรม การทำหัตถการด้านทันตกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฟันปลอม การจัดฟัน และการถอนฟัน ล้วนส่งผลให้โครงหน้าของเราเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ในบางครั้งอาจทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน หรือไม่เท่ากันได้
  • ได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อน การประสบอุบัติเหตุร้ายแรงที่กระทบต่อกระดูกบนใบหน้า อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าเบี้ยว หรือหน้าไม่เท่ากันได้เช่นกัน

วิธีทำให้หน้าเท่ากัน มีอะไรบ้าง

การแก้ไขปรับรูปหน้าทั้งสองข้างให้สมดุลกัน ทำได้หลากหลายวิธี ขึ้่นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่ดูแลเคส โดยเราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจแต่ละวิธีการกันว่ามีอะไร และวิธีไหนที่เหมาะสมกับเราบ้าง

  • การฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขรูปหน้าทั้งสองข้างให้เท่ากัน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะช่วยแก้ไขปัญหาหน้าไม่เท่ากันได้หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก ขมับ แก้ม คาง กรอบหน้า ไปจนกระทั่งริมฝีปาก นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยคืนความเต่งตึง และเพิ่มความชุ่มชื้นอิ่มฟูให้กับผิวหน้าของเราได้ในเวลาเดียวกัน เพราะฟิลเลอร์ใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายผลิตได้เองในการฉีดไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย และสามารสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% แบบไม่ตกค้าง เรียกได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากจะเป็นวิธีทำให้หน้าเท่ากันแล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมของเราสวยสมดุลกันได้อย่างลงตัวอีกด้วย

  • การร้อยไหม

การร้อยไหม เป็นอีกหนึ่งหัตถารความงามเพื่อการยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึง และยังช่วยปรับรูปหน้าของเราให้สมดุลได้อีกด้วย เพราะการร้อยไหมเป็นการร้อยเส้นไหมชนิดพิเศษเข้าไปในชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวเพื่อให้เกาะกับชั้นผิว จากนั้นจึงดึงยกกระชับตามที่ต้องการ นอกจากนี้การร้อยไหมยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย

  • การผ่าตัดศัลยกรรม

วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าทั้งสองข้างไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และความมั่นใจ โดยส่วนใหญ่แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัดในเคสที่เกี่ยวกับกระดูก เช่น ขากรรไกรค้างบ่อย ปากปิดไม่สนิท มีโหนกแก้มไม่เท่ากัน คางเบี้ยว หรือมีขากรรไกรยื่น วิธีการนี้เป็นวิธีแก้ไขแบบถาวร แต่ใช้เวลาพักฟื้นนานที่สุด และมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด

  • การฉีดเมโสแฟต

เป็นการฉีดตัวยาที่มีคุณสมบัติในการสลายไขมัน เข้าไปสลายไขมันส่วนเกินในผิวชั้นไขมัน จึงทำให้ช่วยลดไขมันในจุดที่ต้องการได้ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ไขมันแตกตัว หรือสลายตัวหายไป จากนั้นไขมันจะถูกขับออกมาทางระบบขับถ่ายตามธรรมชาติ ใบหน้าของเราจึงมีความสมดุลขึ้นตามไปด้วย

  • การฉีดโบท็อกลดกราม

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าสองข้างไม่เท่ากันจากกล้ามเนื้อกราม การฉีดโบท็อกนี้จะช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อกรามลงชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อกรามขยายตัวมากขึ้น เพื่อให้ใบหน้าทั้งซ้าย และขวาสมดุลกันนั่นเอง

  • ใช้นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า

ไม่ว่าจะเป็นการทำ ไฮฟู (Hifu) หรือ อัลเทอร่า (Ulthera) วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ เป็นการไม่เท่ากันที่เกิดจากการสะสมของไขมัน หรืออายุที่เพิ่มขึ้น หัตถการนี้จะใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงความถี่สูง ส่งพลังงานเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวเพื่อทำให้เซลล์ผิวแน่น ยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงดังเดิม

ปรับรูปหน้าจากที่อื่นมา ไม่พอใจ ต้องทำอย่างไร

ถ้าหน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน แล้วไปปรับรูปหน้าที่อื่นมาแต่ยังไม่พอใจ สามารถมาให้ Napassaree Clinic ช่วยดูแลได้ เพราะคลินิกของเราโดดเด่นเรื่องการปรับรูปหน้าให้สวยดั่งใจนึก ด้วยฝีมืออาจารย์แพทย์สอนปรับรูปหน้าที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับนวัตกรรมความงาม ร้อยไหม ฟิลเลอร์ และเลเซอร์ ทั้งยังมีศิลปะในการออกแบบใบหน้า เพื่อให้คุณเป็นเจ้าของใบหน้าสวยมั่นใจ ไม่ว่ามองมุมไหนก็สวยครบทุกมิติอย่างสมดุล

ท่านใดที่สนใจเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับการปรับรูปหน้า หรือมีปัญหาผิวอื่น ๆ กวนใจ ติดต่อเรามาตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย เราพร้อมให้คำปรึกษาฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

คำถามที่พบบ่อย

  • ปัญหาหน้าสองข้างไม่เท่ากัน อันตรายไหม

ตอบ หากปัญหานั้นเกิดจากการยุบตัวของกล้ามเนื้อ และกระดูก หรือเกิดจากการสะสมของไขมันบริเวณใบหน้า ไม่ถือว่าอันตราย แต่ถ้าเริ่มมีสัญญาณความเจ็บปวดต่าง ๆ บนใบหน้าร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

  • เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหน้าเราไม่เท่ากัน

ตอบ แนะนำให้มองหน้าตัวเองผ่านกระจกโดยหันหน้าตรง หรือจะถ่ายรูปหน้าตรงของตัวเองก็ได้ จากนั้นเราจึงจะพอเห็นภาพคร่าว ๆ ว่าใบหน้าของเราไม่เท่ากันมากน้อยแค่ไหน หากมองแล้วไม่มั่นใจ เกิดความไม่สบายใจ ก็สามารถมาพบแพทย์ที่คลินิกเสริมความงามเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี