แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง
แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

แย่แล้ว! หน้าเป็นหลุมสิว ดูแลอย่างไร มี วิธีรักษาหลุมสิว อะไรบ้าง

บอกลาหน้าเป็นหลุม ไม่เรียบเนียน แต่งหน้าไม่สวยไปได้เลย เพราะเรามี วิธีรักษาหลุมสิว จากอาจารย์แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำกัน
อีกหนึ่งปัญหากวนใจนอกจากเรื่องสิวก็คือ หลุมสิว นี่ล่ะ เพราะหลุมสิวทำให้ใบหน้าของเราดูขรุขระไม่เรียบเนียน แต่งหน้ากลบแค่ไหนก็ไม่มิด ความมั่นใจเลยหดหายไปจนหมด ใครที่กังวลเรื่องหลุมสิวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิวกว้าง ตื้น หรือลึก และอยากรักษาให้หายขาด เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาเนียนสวยอีกครั้ง Napassaree Clinic มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำ ไปดูกันดีกว่าว่าเราสามารถรักษาเจ้าหลุมสิวกวนใจเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง

หลุมสิวคืออะไร เกิดจากสิวแบบไหน

หลุมสิว คือ ผิวหนังบริเวณที่เคยเป็นสิวเกิดการยุบตัวจนกลายเป็นหลุม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การรักษาสิวผิดวิธี การรักษาสิวช้าเกินไป สิวอักเสบรุนแรง จนทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ และสาเหตุอื่น ๆ แต่สาเหตุหลักมาจากผิวหนังไม่สามารถสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อมาทดแทนได้เพียงพอ ทำให้เนื้อเยื่อใต้ชั้นหนังกำพร้าหายไปบางส่วนจนเกิดเป็นหลุมสิวขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนหลังจากที่รักษาสิวหายแล้ว โดยสิวที่อาจก่อให้เกิดหลุมสิวหากรักษาไม่ถูกวิธี คือ

  • สิวหัวช้าง สิวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนลึก ทำให้น้ำมัน และแบคทีเรียสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังจนอักเสบรุนแรง มีลักษณะเป็นก้อนแข็งนูนอยู่ใต้ผิว รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส ไม่มีหัวสิวให้บีบออก วิธีการรักษาจึงทำได้ยาก เพราะเมื่อหายแล้วมักทิ้งรอยแผลเป็นจากสิว หรือหลุมสิวไว้อย่างชัดเจน
  • สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากการอักเสบ หรือติดเชื้อในรูขุมขน มีลักษณะนูนแดง และอาจมีหนองอยู่ข้างใน มักเกิดจากการสะสมของน้ำมัน แบคทีเรีย หรือเซลล์ผิวที่ตายในรูขุมขน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย สามารถรักษาได้หลายวิธี แต่ถ้ารักษาผิดก็อาจทำให้เกิดหลุมสิวได้เช่นกัน

หลุมสิวมีทั้งหมดกี่ประเภท อะไรบ้าง

เรารู้แล้วว่าหลุมสิวคืออะไร เกิดจากสิวประเภทไหน เรามาดูกันต่อดีกว่าว่าหลุมสิวมีทั้งหมดกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีลักษณะเป็นอย่างไร

  • Rolling Scars เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะตื้น กว้าง เว้าลงไปในชั้นผิวคล้ายแอ่ง ทำให้ใบหน้าดูขรุขระเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอกัน 
  • Boxcar Scar คือหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นบ่อกว้าง ขอบหลุมสิวชัดเจน ขอบและฐานหลุมสิวกว้างขนาดเท่ากัน
  • Ice Pick Scars เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะคล้ายกรวยแหลม ปากหลุมสิวค่อนข้างเล็กแต่ลึก ความลึกอาจถึงชั้นหนังแท้ได้เลย หลุมสิวประเภทนี้จัดว่ามีความรุนแรง และรักษายากมากที่สุด

วิธีรักษาหลุมสิว ทำได้อย่างไรบ้าง

หลุมสิวที่สร้างความรำคาญใจให้เรา สามารถรักษาได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภท และความลึกของหลุมสิว โดยส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มหลุมสิวที่ยุบไปด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  • ใช้ยาทารักษาหลุมสิว เราสามารถรักษาหลุมสิวให้ดีขึ้นด้วยการทายาที่มีสารสกัดจากธรรมชาติฤทธิ์กรดอ่อน ๆ เช่น กรดแลคติก (Lactic Acid) ได้ด้วยตัวเอง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวไวขึ้น ลอกผิวหนังชั้นตื้นออก ทำให้ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับหลุมสิวตื้นมากกว่าหลุมลึก
  • Microneedling เป็นหัตถการที่ใช้เข็มขนาดเล็กทิ่มลงไปใต้ฐานหลุมสิวเพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อด้านล่าง ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาเติมหลุมสิวให้ขึ้นมาเสมอกับผิวโดยรอบ นอกจากหลุมสิวจะดูตื้นขึ้นแล้ว ยังช่วยเรื่องการสร้างเม็ดสี และเพิ่มความยืดหยุ่นอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อีกด้วย แต่หัตถการนี้อาจทำให้ผิวแสบแดง และเกิดสะเก็ดเล็กน้อยเนื่องจากใช้เข็มเจาะผิว อาจเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายหากไม่ได้ทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
  • Dermabrasion หรือ การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี วิธีการนี้เป็นการกรอผิวชั้นกำพร้าออกโดยใช้เกล็ดอัญมณีประมาณ 100 ไมครอนเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ลึกกว่าการสครับผิวทั่วไป แต่ไม่เท่าการทำเลเซอร์ หลังจากกรอผิวแล้ว เซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาทดแทน จึงทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้
  • การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน อาทิ Radiesse หรือ Sculptra เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวจะดูแน่น อิ่มฟู กระชับ ความหย่อนคล้อยลดลง เติมเต็มริ้วรอย และหลุมสิวต่าง ๆ ให้กลับมาเรียบเนียนได้ตั้งแต่หลังฉีดเสร็จ
  • การทำเลเซอร์ การเลเซอร์แก้หลุมสิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเลเซอร์จะส่งผลต่อเนื้อเยื่อโดยตรง แพทย์สามารถปรับความยาวคลื่นตามลักษณะของหลุมสิวได้อย่างตรงจุด ทั้งยังไม่ทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบเสียหาย ส่งผลให้หลุมสิวดูตื้น เนื้อเยื่อได้รับการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับเลเซอร์ที่เราอยากแนะนำ คือ PicoSure เป็นเลเซอร์ที่นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวแล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าเนียนกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำ กวนใจได้อีกด้วย เพราะเลเซอร์ตัวนี้ได้รับการพัฒนาระดับความเร็วอยู่ที่ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที เพื่อส่งพลังงานที่เปลี่ยนเป็นแรงดันไปยังเม็ดสีที่มีความผิดปกติ หรือบริเวณใบหน้าที่ต้องการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงไม่รู้สึกเจ็บ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ใช้เวลาในการทำน้อยกว่าเลเซอร์แบบเดิม ๆ และไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ว่าจะรอยแผลเป็น รอยดำจากสิว หลุมสิว จุดด่างดำ กระลึก ฝ้าแดด รอยสัก ก็สามารถรักษาได้อย่างนุ่มนวลแทบไม่มีสะเก็ด และไม่มีบาดแผลหลังทำ

รักษาหลุมสิวที่ไหนดี

ใครที่กำลังมองหา วิธีรักษาหลุมสิว โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ ที่ Napassaree Clinic พร้อมให้บริการ คลินิกของเรานำโดยอาจารย์หมอส้ม ดร. ภคมน เดชส่งจรัส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามและชะลอวัย ที่มีประสบการณ์ในการดูแลเคสทั้งในคลินิกและในโรงพยาบาลชั้นนำของไทยมามากกว่า 10 ปี คุณหมอส้มเชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า และการรักษาแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย อีกทั้งยังเป็นอาจารย์แพทย์ผู้สอนโปรแกรมฟิลเลอร์ และอัลเทอร่า จากบริษัท Merz Thailand อีกด้วย คุณจึงมั่นใจได้ว่าคลินิกของเราสามารถดูแลทุกเคสได้อย่างทั่วถึง ตรงจุด เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ได้มาตรฐานในทุก ๆ ขั้นตอน

หากคุณสนใจบริการเลเซอร์ PicoSure หรือหัตถการด้านความงามอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามมาที่คลินิกของเราตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อวางแผนการรักษาอย่างรัดกุม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ
อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากผ่า ร้อยไหมจมูกดีไหมนะ

อยากจมูกโด่งสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี เรามี “การร้อยไหมจมูก” ที่ช่วยอัพให้ดั้งโด่ง สันจมูกคม และปีกจมูกเล็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำมาแนะนำ
การร้อยไหมจมูก เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมสำหรับปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ช่วยเสกให้ดั้งของเราดูโด่ง เห็นสันชัดเจนได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนของเราได้อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่แล้วอยากรู้ว่าการร้อยไหมนี้ทำอย่างไร ทรงจมูกที่เราอยากได้ใช้วิธีการร้อยไหมได้ไหม แล้วหลังทำควรดูแลตัวเองอย่างไร ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความนี้ประกอบการตัดสินใจได้เลย

ร้อยไหมจมูก คืออะไร

เป็นวิธีเสริมจมูกแบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดละลายได้ร้อยเข้าไปในจมูกเพื่อให้จมูกสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมา คล้ายกับการศัลยกรรมโดยใช้ซิลิโคน เส้นไหมจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจนรอบเส้นไหมให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จมูกโด่ง เห็นสันจมูกชัดเจน และปีกจมูกเล็กลง ทั้งยังสามารถดีดปลายจมูกเพื่อให้จมูกพุ่งขึ้นมาได้อีกด้วย แต่การร้อยไหมนี้มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวร ระยะเวลาขึ้นอยู่กับอายุของไหมที่ใช้ และการดูแลตัวเอง คือประมาณ 6 เดือน – 1 ปี หากครบอายุเส้นไหมจะละลายหายไปจนหมด
การเสริมจมูกด้วยวิธีการร้อยไหม จัดเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เรื่องการร้อยไหมโดยตรง เพราะการร้อยไหมต้องใช้ความแม่นยำ และเทคนิคขั้นสูงในการแต่งทรงให้ออกมาสวย สมส่วนกับใบหน้า และดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจไปร้อยไหม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะดีที่สุด

จมูกทรงไหนที่เหมาะกับเรา

เพราะทรงจมูกสุดฮิตในไทยมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำที่ปลายจมูกดูยาว ไม่พุ่งเกินไป หรือจะเป็นทรงสโลปปลายพุ่งที่ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุน และทรงปลายเชิดที่ทำให้หน้าเด่นแบบสายฝอ แต่ทรงจมูกแบบไหนถึงจะเข้ากับหน้าเรา มาดูวิธีพิจารณากัน

  • สังเกตจากทรงหน้าผาก การเลือกทรงจมูกที่ใช่ต้องสังเกตด้วยว่ารับกับทรงหน้าผากของเราหรือเปล่า โดยความสูงของจมูกควรอยู่ต่ำกว่าหน้าผากเล็กน้อย ในคนที่มีหน้าผากแบนอาจไม่เหมาะกับทรงจมูกสูง ๆ เพราะเมื่อมองด้านข้างแล้วจะไม่สมส่วน ผิดธรรมชาติ
  • พิจารณาจากโครงหน้า สำหรับคนที่มีหน้าเรียว หรือรูปไข่ เหมาะกับทรงจมูกหลากหลาย อยู่ที่เราอยากให้หน้าดูหวาน หรือดูเฉี่ยวมากกว่ากัน ส่วนคนหน้ากลม ควรเลือกทรงจมูกสโลป หรือปลายพุ่งเพื่อเพิ่มมิติบนใบหน้า และในคนที่มีใบหน้าเหลี่ยม ส่วนใหญ่เหมาะกับทรงจมูกปลายเชิดเพื่อให้รูปหน้าละมุนขึ้น
  • ทรงจมูกควรรับกับความยาวใบหน้า โดยพิจารณาจากใบหน้าด้านข้าง สัดส่วนของไรผมถึงจมูก, สันจมูกถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคาง ควรมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นในการเลือกทรงจมูกเท่านั้น แนะนำว่าผู้ที่อยากปรับทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้าควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรงจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์โครงหน้า และเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับเราที่สุดมาให้พิจารณา รวมไปถึงช่วยประเมินด้วยว่าทำได้จริงไหม ต้นทุนฐานจมูกเรามีเท่าไหร่ ปรับให้โด่งมากน้อยได้แค่ไหน และมีข้อจำกัดอะไรบนใบหน้าที่เราควรรู้เพิ่มเติม

การร้อยไหมจมูกเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่อยากเสริมจมูกให้ได้ทรงสวย แต่ไม่อยากผ่าตัด
  • ผู้ที่อยากปรับแก้ทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า
  • ผู้ที่จมูกบาน ฐานกว้าง และต้องการปรับให้จมูกโด่งมากขึ้น
  • ผู้ที่เห็นสันจมูกไม่ชัด ดั้งจมูกไม่คม
  • ผู้ที่มีฐานจมูกอยู่แล้ว และต้องการให้จมูกดูโด่งขึ้น

ก่อนร้อยไหมจมูก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์พิจารณาโครงหน้า วิเคราะห์ฐานจมูก รวมไปถึงสอบถามเกี่ยวกับทรงจมูกที่ต้องการว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยกับตัวเรามากที่สุด
  • ตรวจสอบประวัติของแพทย์ที่ดูแลเคสว่ามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมมากน้อยแค่ไหน และตรวจสอบรีวิวของคลินิก รวมไปถึงแพทย์ในเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือร่วมด้วย
  • เมื่อตัดสินใจร้อยไหมแล้ว ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนมาร้อยไหมอย่างน้อย 3 วัน
  • งดยา และอาหารเสริมบางตัวที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด อาทิ ยาแอสไพริน, NSAIDs เป็นต้น
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา ให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมจมูก

  • หลังร้อยไหมเสร็จแล้วไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงการดึงรั้งของไหม
  • หลีกเลี่ยงการจับ แกะ เกา หรือนวดบริเวณที่ร้อยไหม เพื่อลดการอักเสบติดเชื้อ
  • ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน หรือกิจกรรมออกแดดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังร้อยไหม
  • งดกินอาหารหมักดอง อาหารรสเผ็ด หรือเค็มจัด
  • อาการบวมช้ำเล็กน้อย เป็นการอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ และจะหายไปเองประมาณ 3-4 วัน
  • สามารถประคบเย็นได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะหากประคบผิดวิธีอาจทำให้ไหมเคลื่อน และไม่เกาะผิวได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง
ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

ผิวกระจก แบบเกาหลี เราก็ทำได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

เทรนด์ผิวสวยสุขภาพดีในยุคนี้ อย่างไรก็ต้องยกให้ ผิวกระจก ที่มีความอวบอิ่ม ฟูใสเป็นเงาราวกับกระจกอยู่แล้ว ใครที่อยากให้ผิวหน้าฉ่ำวาวอิ่มฟูดูสุขภาพดีแบบนี้บ้าง เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำ
ผิวดูเนียนใส ยืดหยุ่น และอิ่มน้ำดูสุขภาพดี เป็นผิวที่ใคร ๆ หลายคนปรารถนา เพราะนอกจากจะช่วยให้เราแต่งหน้าง่าย ติดทนมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดอายุของเราลงไปได้อีกหลายปี แต่การจะมีผิวหน้าสวยใสราวกับกระจกแบบสาวเกาหลีต้องทำอย่างไร มีวิธีการอะไรบ้าง Napassaree Clinic มีเทคนิคดี ๆ ทั้งที่ทำได้ด้วยตัวเอง และใช้เทคนิคทางการแพทย์มาแนะนำกันในบทความนี้

ผิวกระจก แบบเกาหลี คืออะไร

ผิวกระจก หรือ Glass Skin เป็นผิวที่มีความกระจ่างใส เงางาม อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ มีความยืดหยุ่น และมีความเล่นแสงสะท้อนเหมือนกระจก เป็นเทรนด์ผิวหน้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่ผู้คนนิยมผิวดูสวยฉ่ำบ่งบอกถึงสุขภาพผิวดี โดยผิวใสราวกระจกตามเทรนด์ จะเป็นผิวที่มีลักษณะดังนี้

  • ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ
  • ไม่มีริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • ไม่มีรอยแดง รอยดำ หรือฝ้า กระ
  • ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเปล่งปลั่ง
  • สีผิวสม่ำเสมอ ดูกระจ่างใส
  • ผิวนุ่ม มีความยืดหยุ่น

ทั้งนี้ ผิวแบบ Glass Skin กับ ผิวมัน ถึงแม้จะมีความสะท้อนแสงเหมือนกัน แต่ผิวแบบกระจกจะเป็นการเล่นแสงจากความชุ่มชื้นของผิว ราวกับได้รับการปรนนิบัติผิวมาอย่างดีทั้งจากภายใน และภายนอก ส่วนผิวมันเป็นผิวหน้าที่ดูเยิ้ม มักมาพร้อมกับรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และดูหมองคล้ำ

วิธีการดูแลผิวให้ได้ผิวกระจก

การดูแลผิวหน้าเพื่อให้ผิวสวยฉ่ำแบบสาวเกาหลีมีหลากหลายวิธี ซึ่งเรามีตัวอย่างมาแนะนำกันดังนี้

  • ดูแลความสะอาดของผิวหน้า ประตูสู่ผิวหน้าที่สวยฉ่ำ และเรียบเนียน เริ่มต้นที่การทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะในแต่ละวันใบหน้าของเราเผชิญกับมลภาวะ รวมไปถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ มากมาย เราจึงควรใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด โดยเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสภาพผิว เพื่อให้ใบหน้าสะอาด ไม่มีสิ่งตกค้าง
  • เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะสภาพผิวแต่ละแบบมีความเข้ากันกับสกินแคร์แตกต่างกัน ควรหมั่นสังเกตผิวหน้า และเลือกใช้สกินแคร์ที่ตรงกับสภาพผิวช่วงนั้นมากที่สุด
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายผิวต่าง ๆ อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, ไม่ทาครีมกันแดด, พักผ่อนไม่เพียงพอ และดื่มน้ำเปล่าปริมาณน้อย
  • ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเราโดนแสงแดด และรังสียูวีต่าง ๆ ทำร้ายจนเกิดจุดด่างดำกวนใจ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายในแต่ละวัน

หัตถการแบบไหนที่เหมาะกับเรา

นอกจากการดูแลผิวด้วยตัวเองแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสกผิวสวยสุขภาพดีตามเทรนด์ของเกาหลีได้ นั่นคือ การทำหัตถการ เรามาดูกันว่าอยากให้ผิวหน้ากระจ่างใส มีหัตถการอะไรที่ตอบโจทย์บ้าง

  • การทำทรีตเมนต์ เขาว่ากันว่าการบำรุงผิวอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผิวหน้าสวยฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับขึ้นมาได้เช่นกัน การทำทรีตเมนต์หน้าเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ สำหรับทรีตเมนต์ที่ Napassaree Clinic มี D-cool Bright Treatment เป็นทรีตเมนต์หน้าเงาแบบสาวเกาหลี ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เติมออกซิเจนให้ผิวเปล่งปลั่ง และผลักวิตามินเข้าผิวอย่างล้ำลึกด้วยความเย็น -5 องศา เพื่อให้ผิวของเราอิ่มฟู เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เข็ม ใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามมาตามช่องทางต่าง ๆ ของเราได้เลย
  • ให้วิตามินผิว IV Therapy Program เป็นการให้สารน้ำที่ประกอบไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่จำเป็นต่าง ๆ ของร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที โดยสูตรวิตามินจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน หลังจากให้วิตามินไปแล้วร่างกายจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และผิวดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา
  • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฟื้นฟูผิวโดยการฉีดสารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อให้ผิวหน้าอิ่มฟู ตึงกระชับ ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง รวมไปถึงให้ผิวฉ่ำวาวราวกับผิวกระจกตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมกัน มีทั้งหมด 2 ชนิด คือ
    • Belotero Revive ฟิลเลอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับงานกู้ผิวให้กลับมาดูสวยฉ่ำ ชุ่มชื้น และอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไฮยาลูรอนิก และกลีเซอรอลที่ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำดีขึ้น ทำให้ผิวดูเปล่งประกาย ชุ่มชื้น และมีออร่ายาวนาน
    • Juvederm Skinvive เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดสูตรพิเศษแบบไมโครดรอปเล็ท (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ตัวใหม่ล่าสุดของ Juvederm ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเป็นพิเศษ เนื้อนิ่มละเอียด ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้ดีกว่า กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีกว่า จึงทำให้ผิวสวยฉ่ำอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า
    • Rejuran Healer เป็นวิตามินผิวที่มีสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนเป็นส่วนผสมหลัก โดดเด่นด้านการกระตุ้น Growth Factor สร้างผิวใหม่ ช่วยฟื้นฟูผิวได้ทันที ทั้งยังลดการอักเสบของผิว ปรับสมดุลผิว ช่วยลดรอยสิว และเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วย

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการหน้าใสแบบเกาหลี

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ทำหัตถการมาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคือง
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 3 วันแรก
  • ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ
  • ใช้สกินแคร์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้น
  • หากพบความผิดปกติหลังจากทำหัตถการ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+
หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

หน้าต้องไม่ย้อย รวมวิธีกู้หน้าตึง ยกกระชับหน้า สำหรับคนวัย 30+

เมื่ออายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็เริ่มเข้ามาทักทายเป็นเงาตามตัว จะดีกว่าไหมถ้าเรามีวิธียกกระชับหน้าอย่างได้ผล เพื่อให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึง ไร้ริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
ถึงแม้จะรู้ว่าพอเข้าวัย 30 คอลลาเจน และอิลาสตินต่าง ๆ ในชั้นใต้ผิวจะลดลงเรื่อย ๆ ตามกลไกทางธรรมชาติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอเห็นริ้วรอย และความหย่อนคล้อยที่ปรากฏชัดบนใบหน้าก็อดกังวลใจไม่ได้ทุกที Napassaree Clinic เข้าใจปัญหาผิวหย่อนคล้อยนี้ จึงมีเทคนิคกอบกู้ใบหน้าเต่งตึง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติมาแนะนำกัน เราไปดูกันดีกว่าว่าปัญหาผิวหน้าแบบไหน เหมาะกับเทคนิคอะไรบ้าง

การยกกระชับหน้าคืออะไร

การกระชับใบหน้า เป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าเพื่อให้ใบหน้ากลับมาเรียบตึง ปราศจากความหย่อนคล้อย และริ้วรอยกวนใจด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว การดึงกล้ามเนื้อ การฉีดสารเติมเต็ม การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเฟิร์มมิ่ง รวมไปถึงการใช้เครื่องมือหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ โดยแต่ละเทคนิควิธีการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาผิว สภาพผิว และความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส และเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้น

สาเหตุของหน้าหย่อนคล้อย

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น อิลาสติน และคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจะเริ่มผลิตได้น้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างใบหน้าอ่อนแอ ผิวจึงดูหย่อนคล้อย
  • แรงโน้มถ่วง เพราะโลกมีแรงโน้มถ่วงให้สิ่งต่าง ๆ ค่อย ๆ ถูกดึงลง ในผู้ที่ผิวหน้าไม่แข็งแรงใบหน้าจึงคล้อยลงได้ง่ายขึ้น
  • แสงแดด รังสียูวีในแสงแดด มีส่วนทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ จนนำไปสู่ความหย่อนคล้อยในที่สุด
  • กรรมพันธุ์ ความยืดหยุ่น และโครงสร้างผิวสามารถถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรม ในผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยไว และมากกว่าผู้อื่น ส่วนหนึ่งอาจมาจากพันธุกรรมที่ได้รับมา
  • ไขมัน เมื่อชั้นไขมันในผิวลดลง ผิวจึงเกิดการยุบตัว ส่งผลให้ขาดความตึงกระชับ และหย่อนคล้อยลงในที่สุด
    กิจวัตรประจำวันที่ส่งผลเสียต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม
  • แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความเครียด ล้วนส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด และการสร้างคอลลาเจนที่ลดลงทั้งสิ้น

วิธียกกระชับหน้าให้เต่งตึง มีอะไรบ้าง

หัตถการสำหรับการยกกระชับหน้า มีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน ดังนี้ 

  • การร้อยไหม เป็นเทคนิคการกระชับผิวหน้าโดยการใช้เส้นไหมชนิดละลายได้ที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ สอดเข้าไปในชั้นใต้ผิวเพื่อดึงผิวบริเวณนั้นให้กระชับขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และมีความยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก
  • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิกที่มีความปลอดภัยสูง เพราะร่างกายสามารถผลิตได้เอง ไปยังบริเวณผิวที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย เพื่อเติมเต็มร่องริ้วรอยนั้นให้เต่งตึง ดูกระชับ และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย และมีร่องริ้วรอยลึก ขาดความยืดหยุ่น
  • การใช้เครื่องยกกระชับหน้า ในปัจจุบันมีเครื่องกระชับใบหน้าเกิดขึ้นมามากมาย เพื่อตอบโจทย์การกระชับผิวในหลากหลายรูปแบบ โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยอย่างได้ผล และช่วยกระตุ้นคอลลาเจน รวมไปถึงอิลาสตินในชั้นผิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับตัวอย่างเครื่องมือยกกระชับหน้ายอดนิยม ประกอบไปด้วย
    • Ulthera นวัตกรรมกระชับผิวด้วยการส่งคลื่นพลังงานอัลตราซาวน์ความถี่สูงลงไปในชั้นผิว SMAS เพื่อให้ชั้นผิวหดตัว บริเวณที่หย่อนคล้อยจึงกระชับมากยิ่งขึ้น คอลลาเจน และอิลาสตินถูกกระตุ้นให้สร้างเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีชั้นไขมันน้อย
    • Hifu เป็นนวัตกรรมกระชับใบหน้าด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวน์ความเข้มข้นสูงเช่นเดียวกับ Ulthera ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลาง
    • Thermage เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงที่เจาะจงตำแหน่ง โดยเครื่องมือจะส่งพลังงานความร้อนลงลึกได้ถึง 3 ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสลายไขมันส่วนเกิน ทำให้ผิวแน่น ตึงกระชับ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
    •  Thermalift เครื่องมือนี้เหมาะทั้งสำหรับกระชับผิว และสลายไขมันส่วนเกิน ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และช่วยซ่อมแซมโครงสร้างผิวชั้นในได้ด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุชนิดพิเศษความถี่สม่ำเสมอลงสู่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิวหนัง ชั้นไขมันใต้ผิว ชั้นเนื้อเยื่อ และชั้นพังผืด ทั้งยังช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรง และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
    • New Doublo 2.0 เป็นเครื่องกระชับผิวเทคโนโลยีใหม่ที่รวมเอาพลังงานสำคัญ 2 ชนิดไว้ด้วยกัน คือ คลื่นเสียง – MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลื่นวิทยุ – RF (Radio Frequency) เพิ่มเอฟเฟคการกระชับขึ้นเป็นสองเท่า ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ทำให้หน้ากระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังอิ่มฟู รูขุมขนแน่น แม้ในผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน หรือบริเวณที่มีไขมันจำนวนมากก็สามารถกระชับขึ้นมาได้ แถมยังเจ็บน้อยกว่าเครื่องมืออื่น ๆ เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลดีขึ้นภายใน 1-3 เดือน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากกระชับใบหน้าด้วยเครื่องมือ New Doublo 2.0 จากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Synergy Effect สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดมาที่ Napassaree Clinic ได้เลย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และความงามพร้อมให้คำปรึกษาทุกเคส ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

วิธีดูแลตัวเองหลังยกกระชับหน้า

  • หลีกเลี่ยงการแกะ เกา ลูบ หรือสัมผัสใบหน้าแรง ๆ บริเวณที่ทำหัตถการมา
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการอบไอน้ำ ซาวน่า เข้าสปา หรือกินอาหารหน้าเตาร้อน ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และหมั่นทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตรเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดการระคายเคือง



อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

ถึงเวลาบอกลาหน้าเป็นฝ้าด้วย เลเซอร์ฝ้า

ถึงเวลาบอกลาหน้าเป็นฝ้าด้วย เลเซอร์ฝ้า

หน้าพังเพราะแดดทำให้เกิดฝ้ากระอยู่รึเปล่า เรามาจบปัญหานี้ด้วยการเลเซอร์ฝ้ากันดีไหม นอกจากจะช่วยให้ฝ้า กระ จางลงแล้ว ยังคืนความสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติให้เราได้อีกด้วย

ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของหน้าสวยกระจ่างใสกันทั้งนั้น แต่เมื่อดูใบหน้าใกล้ ๆ กลับเห็นร่องรอยของฝ้าเจ้ากรรมกระจายตัวอยู่เต็มใบหน้าไปหมด ถึงแม้จะขยันทาครีมรักษาฝ้า หรือทาครีมกันแดดสม่ำเสมอแค่ไหนฝ้าก็ยังไม่จางหายไปสักที Napassaree Clinic มีอีกหนึ่งทางออกเพื่อลดปัญหาฝ้ากวนใจมาแนะนำ นั่นคือ การเลเซอร์ 

เลเซอร์ฝ้า คืออะไร มีอะไรบ้าง

เป็นหัตถการที่ใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นสูงยิงไปยังบริเวณที่เกิดฝ้า หรือบริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอเพื่อยับยั้งการผลิตเมลานินใต้ชั้นผิวหนังอย่างตรงจุด และรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงน้อยที่สุด โดยแพทย์จะปรับความยาวคลื่นของแสงเลเซอร์ไปตามลักษณะของปัญหา ความลึกของฝ้า และบริเวณที่ต้องการเลเซอร์ เพื่อให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วยในเวลาเดียวกัน

โดยทั่วไปการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ มักเป็นการรักษาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้รอยฝ้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด แพทย์จะพิจารณาให้ใช้เลเซอร์กลุ่มยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสี เช่น Q-Switch Laser หรือ Pico Laser โดยวินิจฉัยจากปัญหาฝ้า ลักษณะผิวหน้า รวมไปถึงพิจารณาความต้องการของคนไข้ร่วมด้วย

  • Pico Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ยอดนิยมที่ปล่อยพลังงานความถี่สูงด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาทีออกมาเพื่อลดความเข้มของเม็ดสีอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลไว แต่อาจมีอาการหน้าแดง และต้องใช้เวลาพักฟื้น
  • Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงาน 2 ช่วง เพื่อลดปัญหารอยดำ รอยแดง รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ

ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้า (Melasma) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผลิตเมลานินออกมามากผิดปกติ โดยส่วนใหญ่มักถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ เครื่องสำอางบางชนิด และแสงแดด ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด โดยฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าจะมีลักษณะเป็นแผ่น หรือปื้นสีอ่อนไปจนกระทั่งสีเข้ม มักเห็นได้ชัดบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ อาทิ หน้าผาก โหนกแก้ม ลำคอ และตามผิวกาย แบ่งประเภทย่อยออกเป็น ฝ้าแดดที่เกิดจากแสงแดดเป็นหลัก, ฝ้าตื้นที่เกิดจากการผลิตเมลานินผิดปกติในชั้นหนังกำพร้า และฝ้าลึกที่มาจากการผลิตเม็ดสีผิดปกติในชั้นใต้ผิว

วิธีป้องกันการเกิดฝ้า

  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป แม้จะไม่ได้ออกไปไหน เพื่อปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
  • พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด กางร่ม หรือสวมหมวกทุกครั้งที่ต้องออกแดด
  • หากต้องทำกิจกรรมกลางแดดนาน ๆ ควรพกครีมกันแดดไปทาระหว่างวันด้วย
  • หมั่นบำรุงผิว เพื่อฟื้นฟูผิวจากความเหนื่อยล้า และแสงแดดที่เข้ามาทำลายผิว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ การผลิตเมลานินทำงานอย่างเป็นปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเสี่ยงให้ผิวเกิดการระคายเคือง และอาจมีสารเคมีที่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้

ลบรอยฝ้าอย่างได้ผล ต้องทำอย่างไร

ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ฝ้ารักษาไม่หาย แต่เราสามารถลดความเข้มของฝ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าลึกไปมากกว่านี้จนก่อให้เกิดปัญหากวนใจในภายหลังได้ หากเราอยากเป็นเจ้าของใบหน้าที่ดูเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • ทายารักษาฝ้า การทายาเป็นขั้นตอนการรักษาฝ้าเบื้องต้นที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ โดยยานั้น ๆ จะเป็นยาในกลุ่มของไวท์เทนนิ่ง หรือยาที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี เพื่อให้ฝ้าดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ทาครีมกันแดด เมื่อทาครีมเพื่อลดรอยฝ้าแล้ว สิ่งต่อมาคือทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ฝ้าสีเข้มกว่าเดิม และเกิดฝ้าใหม่อีกในอนาคต
  • กินยายับยั้งการผลิตเม็ดสีทั่วร่างกาย ในเคสที่มีฝ้าเกิดขึ้นทั่วหน้า หรือตามร่างกายในปริมาณมาก แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่มักจ่ายยาเพื่อลดการผลิตเม็ดสีของร่างกายมาให้คนไข้ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงต่อไป แต่ทั้งนี้การกินยาต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย
  • การผลัดเซลล์ผิว ในกรณีที่เป็นฝ้าชนิดตื้น สามารถลดรอยฝ้าโดยการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ การใช้กรดผลไม้ การสครับหน้า รวมไปถึงการกรอผิวเพื่อให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • การเลเซอร์ฝ้า เป็นอีกหนึ่งวิธีลดรอยฝ้าที่เห็นผลเร็ว และเห็นผลชัดเจน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง แต่การเลเซอร์เหมาะสำหรับการกำจัดฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก
  • การฉีดเมโสฝ้า เหมาะสำหรับลดรอยฝ้าในผู้ที่มีฝ้าลึก โดยแพทย์จะผสมตัวยาให้เหมาะกับปัญหาฝ้า และลักษณะผิวหน้าของคนไข้มากที่สุด

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้า

  • ดูแลผิวหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ไม่ควรแกะ เกา หรือจับหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงการโดนแดดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังยิงเลเซอร์ไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  • ใช้สกินแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นกับใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ
หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

หน้าโทรมแก่เร็วแบบนี้ Sculptra ช่วยได้ไหมนะ

อยากรู้ไหมว่า Sculptra เคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวดูตึงกระชับ สวยอ่อนเยาว์ราวกับสาวแรกแย้ม คืออะไร ช่วยเรื่องไหน แล้วมีขั้นตอนการดูแลผิวหลังฉีดอย่างไร เรารวบรวมข้อควรรู้ทั้งหมดมาไว้ให้ในบทความนี้ ไปติดตามดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวสวยอิ่มฟูด้วยกันทั้งนั้น เพราะการที่เรามีผิวหน้าอิ่มน้ำ ยืดหยุ่น นุ่มฟู รูขุมขนกระชับ ทั้งยังสว่างกระจ่างใสแม้จะอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลย ย่อมทำให้ผิวหน้าเราดูอ่อนเยาว์ขึ้น แถมยังดูสดชื่นสุขภาพดีได้เช่นกัน สำหรับคนที่อยากกอบกู้ผิวหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง เรามี Sculptra เทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวรูปแบบใหม่ ที่ช่วยกระตุ้นผิวจากภายในอย่างอ่อนโยน และปลอดภัยมาแนะนำ

Sculptra คืออะไร

Sculptra คืออนุภาคของ Poly-L-Lactic acid (PLLA) ที่เป็นสารกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปตามธรรมชาติ ให้ผิวกลับมายืดหยุ่น เต่งตึง รูขุมขนกระชับ และมีผิวเนียนละเอียดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการช่วยให้ผิวแข็งแรงจากโครงสร้างผิวชั้นลึกอย่างอ่อนโยน แม้ว่าอายุจะล่วงเลยก็สามารถคืนความอ่อนเยาว์มาสู่ผิวหน้าได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ Sculptra ยังผลิตจากสารธรรมชาติ สังเคราะห์จากพืช จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่ตกค้างอยู่ภายในชั้นผิว ทั้งยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และ อย. ในไทยเป็นที่เรียบร้อย จึงมั่นใจได้ว่าการฉีด Sculptra ปลอดภัยต่อร่างกายอย่างแน่นอน

การฉีด Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยลึกให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ยกกระชับผิวให้กลับมาตึงกระชับ
  • คืนความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก
  • ช่วยให้หน้าแน่น อิ่มฟู รูขุมขนดูเล็กลง

Sculptra ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

การฉีด Sculptra สามารถทำได้หลายตำแหน่งเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยส่วนใหญ่มักฉีดตามจุดต่าง ๆ ต่อไปนี้ เพื่อให้รูปหน้าดูสวยงาม และมีผิวหน้าโดยรวมอ่อนเยาว์ขึ้น

  • ขมับ การฉีดบริเวณนี้จะช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ขมับดูอิ่มฟู แก้ปัญหาขมับตอบ ทั้งยังยกหางตา และหางคิ้วให้กระชับขึ้นได้อีกด้วย
  • กรอบหน้า เพื่อให้กรอบหน้าชัดขึ้น ใบหน้าดูยกกระชับไม่หย่อนคล้อย
  • หน้าแก้ม เพื่อให้แก้มเต่งตึง รูขุมขนกระชับ แก้ปัญหาหน้าตอบ และลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม

ใครที่เหมาะสำหรับการฉีด Sculptra

  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะคอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดลง
  • ผู้ที่มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน
  • ผู้ที่อยากให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวา
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ
  • ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่อยากให้ผิวมีความนุ่มฟู รูขุมขนเล็กลง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน เพราะไม่มีเวลามาฉีดบ่อย

ใครที่ไม่ควรฉีด Sculptra บ้าง

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่บริเวณผิวหนังที่ฉีดเกิดการอักเสบ หรือมีการติดเชื้อ
  • ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra คือ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) และ Non-pyrogenic mannitol

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra

  • งดยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก อาทิ ยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวฟกช้ำ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ 3 วันก่อนฉีด
  • หากมีโรคประจำตัว กำลังกินยา หรือมีประวัติแพ้ยา ให้รีบแจ้งแพทย์ก่อนการฉีดเสมอ
  • เว้นระยะห่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • ต้องไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์

วิธีดูแลหน้าหลังฉีด Sculptra

ถึงแม้หลังฉีด Sculptra จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

    • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อลดอาการบวม
    • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังฉีด
    • หลักเลี่ยงความร้อนต่าง ๆ เช่น การอบซาวน่า การอบไอน้ำ การกินอาหารหน้าเตาร้อน ๆ หลังฉีด 24 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ เป็นเวลา 1 เดือน
    • นวดหน้าตามหลัก Triple 5 วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน เพื่อให้ยากระจายตัวทั่วใบหน้า
    • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือแสงยูวี จนกว่าอาการบวมแดงจะหายไป

การฉีด Sculptra ราคาเท่าไหร่

การฉีด Sculptra มีราคาแตกต่างกันไปตามคลินิก และสถานพยาบาลที่เราเลือกใช้บริการ แต่โดยส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ 20,000-40,000 บาทต่อขวด ซึ่งใน 1 ขวดมี 10 ซีซี สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดเพียงขวดเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับผิว อยากให้ผิวดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วน Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มส่วนที่หายไปแบบเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก หรือริมฝีปาก

  • ต้องฉีดบ่อยแค่ไหนจึงจะเห็นผล

ตอบ หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวหน้าคุณจะดูอิ่มฟู และดูสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ  โดยผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ไปอีกนานประมาณ 2 ปี

  • Sculptra ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่

ตอบ ได้ เพราะ Sculptra เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อให้ผิวตึงกระชับ มีความยืดหยุ่นดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาอีกครั้ง หากทำร่วมกับหัตถการอื่น อาทิ Ulthera หรือ HIFU ผิวก็จะยิ่งกระชับอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ทั้งนี้ควรเลือกใช้บริการที่คลินิกความงามที่ได้มารตฐานและเลือกปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเคสก่อน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมปลอดภัยจะดีที่สุด

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่
สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

สวยได้ไม่ต้องรอด้วยเคล็ดลับ หน้าใสไร้สิว ฉบับสาวยุคใหม่

อยากหน้าใสไร้สิว เผยผิวสวยปังแต่หน้ายังพังเพราะสิว ทำยังไงดี ? ใครที่กำลังเจอปัญหาสิวบุก สิวก่อกวนอยู่ อย่าเพิ่งใจร้อนรีบบีบออก เราต้องทำความเข้าใจต้นตอของปัญหาสิวก่อน เพื่อจะได้กำจัดสิวตัวร้ายจากต้นตออย่างอยู่หมัด ไม่ขึ้นมากวนใจเราอีกต่อไป
ปัญหาสิวกวนใจเป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที เพราะสิวตัวร้ายนี้นอกจากจะขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ตรงนั้นยุบตรงนี้ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วยังสร้างความรำคาญใจจนทำให้เราสูญเสียความมั่นใจไปด้วย จะไปเที่ยวที่ไหน นัดเดทกับใครก็ไม่กล้า ยิ่งสำหรับบางคนที่หน้าเป็นสิวบ่อย ๆ ขึ้นซ้ำ ๆ อยากจะทายารักษาสิว แต่พอทาไปแล้วก็เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งอาการแสบหน้า หน้าแห้ง หน้าลอก จนไม่รู้จะเอายังไงกับความยุ่งยากนี้ดี

 แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะ คลินิกความงาม Napassaree Clinic มีเคล็ดลับกำจัดสิวดี ๆ สไตล์สาวยุคใหม่มาแนะนำ
ส่วนใครที่อยากปรึกษาปัญหาสิวกวนใจกับ Napassaree Clinic ติดต่อมาตามช่องทางต่าง ๆ ได้เลย เรามีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนวัตกรรมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ ยิงเลเซอร์ การปรับโครงหน้าควบคู่กับการลดเลือนริ้วรอย รวมทั้งเทคนิคเพิ่มความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ คอยให้คำปรึกษาทุกเคส ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแน่นอน

สิวเกิดจากอะไร

มาเริ่มกันที่ต้นเหตุก่อนเลย สิวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากฮอร์โมนของร่างกาย สภาวะแวดล้อม มลภาวะ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงความสะอาดของแต่ละคน ซึ่งเราสรุปสาเหตุหลัก ๆ มาให้ดังนี้

  • สิวที่เกิดจากฮอร์โมน

ทุกคนมีฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันกันอยู่แล้ว โดยส่วนมากฮอร์โมนตัวนี้จะมีปริมาณมากขึ้นเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงวัยนี้จึงเป็นวัยที่สิวขึ้นเยอะจนน่าตกใจ และสิวนี้อาจอยู่กับเราไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

  • การใช้เครื่องสำอางต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นครีม รองพื้น แป้ง บลัชออน ที่เราทาลงผิวทุกวัน มีโอกาสเข้าไปอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดสิวตามมาได้

  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

อาทิ พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด สูบบุหรี่ หรือไม่ทำความสะอาดร่างกายให้ดี ก็จะพบสิวขึ้นได้ง่ายกว่าในช่วงปกติ 

  • มลภาวะและสิ่งแวดล้อม

ฝุ่นละออง ควัน มลพิษทางอากาศ จะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเกาะติด และอุดตันรูขุมขนได้ หากเราไม่ทำความสะอาดให้ดีก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

อยากหน้าใสไร้สิว มีวิธีรักษาอย่างไร?

  • การกินยา 

เป็นวิธีรักษาสิวในระดับรุนแรง และเป็นการรักษาที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น โดยส่วนมาก ยาที่เรากินจะเข้าไปช่วยลดปัญหาความมันที่ก่อให้เกิดการอุดตัน แต่บางตัวอาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งลอก ปากแห้ง และผิวไวต่อแสงได้ ทั้งนี้จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ อย่าซื้อยากินเองเด็ดขาด

  • ทายารักษาสิว

ยารักษาสิวแบบทาเป็นวิธีการรักษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งโดยปกติแล้วครีมหรือยาทารักษาสิวจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว รวมถึงช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว จึงช่วยให้สิวที่ผุดขึ้นมายุบตัวลงได้

  • หัตถการทางการแพทย์

ตัวเลือกที่เห็นผลไวแบบทันตาเห็น คือ การทำหัตถการทางการแพทย์ วิธีนี้เป็นทางเลือกในการรักษาที่ค่อนข้างนิยมเพราะมีผลข้างเคียงน้อย แต่ให้ประสิทธิภาพดี และเห็นผลไว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อลดรอยแดง รักษาหลุมสิว หรือฉีดยาลดการอักเสบ แต่การรักษาสิวด้วยวิธีนี้ จำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด

อยากให้รอยสิวจางไว ต้องทำอย่างไร

รอยสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ รอยแดง รอยดำ และหลุมสิว ซึ่งรอยสิวแต่ละประเภทใช้ระยะเวลานานหลักเดือนกว่าจะหายไปเองตามธรรมชาติทั้งสิ้น หากใครที่อยากลดเลือนรอยสิวให้หายไปจากใบหน้า เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำ ดังนี้

  • ใช้สกินแคร์ลดรอยสิว จุดด่างดำ

วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะสามารถทำได้ด้วยตนเองด้วยการใช้สกินแคร์สูตรลดรอยสิวที่มีส่วนผสมช่วยลดภาวะการอักเสบของผิว และทำให้รอยสิวจางลง ในบริเวณที่มีรอยสิวเป็นประจำ แต่วิธีนี้ใช้เวลานาน และต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่อยากให้รอยสิวจางในระยะเวลาที่จำกัด

  • การสครับลดรอยสิว

เป็นการใช้สครับสูตรอ่อนโยนกำจัดรอยสิว และเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพบนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ แนะนำว่าควรใช้สครับที่เหมาะกับสภาพผิวจะช่วยถนอมผิวหน้าได้ดีที่สุด แต่การสครับผิวไม่สามารถทำได้บ่อย ควรสครับสัปดาห์ละ 2 ครั้งกำลังดี

  • ใช้ยาทาแผลเป็น

ยาทาแผลเป็นมีฤทธิ์ช่วยรักษารอยสิวได้เช่นกัน โดยเนื้อครีมจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว หากทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องย่อมทำให้รอยสิวจางลงได้ แต่วิธีนี้ต้องใช้ระยะเวลา รวมไปถึงความสม่ำเสมอ กว่าริ้วรอยจะจางหายไปหมดด้วยเช่นกัน

  • การยิงเลเซอร์ด้วย PicoSure Laser

หากใครที่ต้องการให้ หน้าใสไร้สิว อย่างเร่งด่วน หรือไม่อยากปล่อยให้รอยสิวกวนใจอยู่บนใบหน้านานกว่านี้ สามารถกำจัดรอยสิวได้โดยการใช้นวัตกรรม PicoSure Laser ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว รวมไปถึงรอยฝ้ากระต่าง ๆ อย่างได้ผล เลเซอร์ตัวนี้จะเข้าไปกำจัดเม็ดสีเมลานินในชั้นใต้ผิวอย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งความร้อนตกค้างในชั้นผิว มีความปลอดภัยสูง ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย

สำหรับการทำ PicoSure Laser ที่  คลินิกความงาม Napassaree Clinic เราดูแลใส่ใจ และพิถีพิถันในรายละเอียดของผู้มารับบริการทุกขั้นตอน แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างตรงจุดโดยนำนวัตกรรม หรือเทคนิคอื่น ๆ เข้ามาผสานด้วยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งแพทย์ของเรายังมีประสบการณ์ในวงการความงามมามากกว่า 10 ปี การันตีด้วยรางวัลจากหลากหลายสถาบัน คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดจากเรา ผู้ที่สนใจทักมาสอบถามเราได้เลยที่ไลน์ไอดี : @napassareeclinic หรือ คลิก https://bit.ly/2MsBlqj ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

คำถามที่พบบ่อย

  • PicoSure Laser ทําแล้วหน้าจะบางไหม

ตอบ PicoSure Laser เป็นหนึ่งในเครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond laser นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งจะส่งพลังงานผ่านชั้นผิวหนังด้านนอก เพื่อทำปฏิกิริยาให้เกิดช่องว่างใต้ชั้นผิวด้านในซึ่งเป็นบริเวณชั้นหนังแท้โดยตรง จึงไม่มีผลทำให้ผิวบางลงหรือเกิดบาดแผลภายนอกแต่อย่างใด

  • การทำ PicoSure Laser อันตรายไหม

ตอบ ไม่ เพราะ PicoSure Laser เป็นการยิงเลเซอร์โดยใช้เครื่อง Picosecond รุ่นแรกของโลก คิดค้นโดยบริษัท Cynosure Inc. ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยสูง และสามารถกำจัดจุดด่างดำเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร
วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

วิธีเช็ค ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร

ด้วยความนิยมของการฉีดฟิลเลอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้มีฟิลเลอร์ปลอมปะปนอยู่ในท้องตลาดมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยง และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจฟิลเลอร์ปลอมไปพร้อม ๆ กัน

ถึงแม้ยุคนี้สมัยนี้ เราจะเสกความงามให้สวยดั่งใจได้ภายในเข็มเดียวด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ ต้องไม่ลืมหาข้อมูล พร้อมทำความเข้าใจหัตถการที่เรากำลังจะทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกครั้งด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา หรืออันตรายต่าง ๆ ขึ้นในภายหลัง ด้วยความห่วงใย วันนี้ Napassare Clinic จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปลอม ที่เริ่มปะปนในท้องตลาดมากขึ้นในตอนนี้กันว่าฟิลเลอร์ชนิดนี้คืออะไร อันตรายแค่ไหน แล้วเรามีวิธีสังเกตอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเลอร์ปลอมโดยไม่รู้ตัว

ฟิลเลอร์ปลอม มาจากไหน และมีลักษณะเป็นอย่างไร

ฟิลเลอร์ปลอม หรือ ฟิลเลอร์ถาวร คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่บริสุทธิ์ มักเป็นสารสังเคราะห์อื่น ๆ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน และสาร PMMA (Polymethyl-methacrylate Microspheres) ที่ไม่ผ่านอย. ไทย เมื่อฉีดไปแล้วไม่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และอาจทิ้งสารตกค้างไว้ใต้ผิวจนทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ เป็นก้อน บวมแดง หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นฟิลเลอร์เน่าจนทำให้หน้าเสียรูปทรงได้ แพทย์ต้องผ่าตัดเพื่อขูดเอาฟิลเลอร์ออก หรือผ่าตัดเพื่อเอาออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้

ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปลอม มีอะไรบ้าง

ในระยะแรกที่ฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายจะยังไม่แสดงอาการใดออกมา รูปหน้าของเราจะมีความเรียบเนียนสวยเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์แท้เข้าไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดอาการบ่งชี้ดังต่อไปนี้

  • เนื้อฟิลเลอร์จะเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน 
  • ใบหน้าเริ่มบวม ห้อยไม่เป็นทรง 
  • ผิวหนังที่ฉีดไปเริ่มผิดรูป
  • มีอาการบวม แดง อักเสบติดเชื้อ
  • เนื้อตาย เกิดพังผืด

ถ้าพบว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดไปมีอาการดังที่กล่าวมา แนะนำให้ไปพบแพทย์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเพื่อนำออกโดยด่วน

เราจะสังเกต ฟิลเลอร์แท้ ได้อย่างไร

  • ฟิลเลอร์แท้ เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมจาก Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง มีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งสารตกค้างเพราะสามารถย่อยสลายได้ 100% เมื่อเวลาครบกำหนด
  • ฟิลเลอร์แท้ ที่กล่องจะมีฉลากภาษาไทย ราคา และวันหมดอายุระบุไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีเอกสารกำกับอยู่ภายในกล่องอีกด้วย
  • ฟิลเลอร์แท้จะได้รับการรับรองจาก อย. ไทยอย่างถูกต้อง
  • ราคาของฟิลเลอร์แท้ค่อนข้างคงที่ ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป หากพบการฉีดฟิลเลอร์ที่ราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้
  • บางรุ่นสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของฟิลเลอร์ได้ด้วยตัวเอง
  • สามารถโทรเช็คเลข Lot กับบริษัทผู้จำหน่ายได้โดยตรง

ข้อควรระวังก่อนการฉีดฟิลเลอร์

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ เรามีข้อควรระวังเพื่อหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม ดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

คลินิก หรือสถานพยาบาลที่จะไปเข้ารับบริการ ควรมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย เลขที่อนุญาตควรมี 11 หลัก ติดไว้หน้าคลินิกให้เห็นอย่างชัดเจน มีแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมประจำที่คลินิก มีราคาของแต่ละหัตถการที่สังเกตได้ง่าย ภายในคลินิกสะอาด ปลอดภัย และอุปกรณ์ไม่เสื่อมสภาพ 

  • คลินิกมีรีวิวประกอบการตัดสินใจ

คลินิกที่เราจะเลือกควรมีเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีราคาพร้อมรายละเอียดหัตถการระบุไว้ชัดเจน มีรายชื่อแพทย์ที่เราสามารถตรวจสอบได้จริง มีรีวิวเคสจริงที่น่าเชื่อถือทั้งในเว็บไซต์ของคลินิกเอง และจากแหล่งอื่น ๆ ร่วมด้วย

  • สามารถตรวจสอบแพทย์ได้

แพทย์ที่จะมาฉีดฟิลเลอร์ให้กับเราควรเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เป็นแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านความงามหรือผิวหนัง หรือมีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าแพทย์ที่จะมาดูแลเคสเรามีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ และมีประสบการณ์มากพอ

  • ไม่ควรให้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ให้เด็ดขาด

เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าบุคคลนั้นมีความเชี่ยวชาญมากน้อยเพียงใด และฟิลเลอร์ที่จะฉีดให้เป็นฟิลเลอร์แท้จริงหรือไม่ ควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถตรวจสอบได้จะดีที่สุด

  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ทุกครั้ง

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบฟิลเลอร์ที่จะใช้ทุกครั้งว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ ผ่านการรับรองจาก อย. อย่างถูกต้องแล้วหรือยัง โดยตรวจสอบยี่ห้อ รุ่น เลข Lot รวมไปถึงรายละเอียดอื่น ๆ ดังที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้าให้ครบถ้วน

คำถามที่พบบ่อย

  • หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมไปแล้ว ต้องทำยังไง

ตอบ รีบไปพบแพทย์ที่คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานโดยด่วน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาด้วยการขูดออก หรือการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ปลอมออก ไม่สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้

  • ฟิลเลอร์หิ้ว กับ ฟิลเลอร์ปลอม ต่างกันอย่างไร

ตอบ ฟิลเลอร์หิ้วเป็นได้ทั้งฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์แท้ แต่ถูกลับลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการลงทะเบียน หรือการตรวจสอบที่เหมาะสม อีกทั้งยังไม่มีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง จึงมีความเสี่ยงที่ตัวยาจะเสื่อมสภาพจนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ส่วนฟิลเลอร์ปลอมเป็นฟิลเลอร์ไม่บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเมื่อฉีดเข้าไปได้เหมือนกัน ดังนั้น ฟิลเลอร์ทั้งสองชนิดจึงเป็นฟิลเลอร์อันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

เพราะ Pico Laser เป็นอีกหนึ่งประตูที่ช่วยให้ได้ผิวหน้าเนียนกระจ่างอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่กำลังสนใจหัตถการตัวนี้อยู่ คลินิกความงาม Napassaree อยากชวนทุกคนมาพูดคุยทำความรู้จักให้มากขึ้นกัน

วิธีการที่จะทำให้ได้ผิวกระจ่างใสมีมากมาย หนึ่งในนั้น คือ Pico Laser การเลเซอร์ผิวหน้าที่ช่วยแก้ไขทุกปัญหากวนใจ ไม่ว่าจะรอยสิว หลุมสิว หรือฝ้ากระต่าง ๆ สำหรับคนที่สนใจหัตถการนี้อยู่ แล้วอยากรู้ว่าการยิงเลเซอร์ชนิดนี้อันตรายไหม มีทั้งหมดกี่แบบ ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลย

ทำความเข้าใจ Pico Laser คืออะไรกันแน่

Pico Laser หรือ Picosecond Laser เป็นนวัตกรรมความงามยุคใหม่ในกลุ่ม Ultrashort Laser ที่ใช้เลเซอร์ปล่อยพลังงานสูงออกมาในช่วงเวลาสั้น ๆ ระดับความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาที ไปยังผิวบริเวณที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำ มีรอยสิว หลุมสิว ฝ้า กระ รอยแผลเป็น และรอยสักต่าง ๆ เพื่อให้เม็ดสีเมลานินเกิดการแตกตัวจนมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ และสลายหายไปในที่สุด ใบหน้าของเราจึงดูกระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ยิงเลเซอร์ไป นอกจากนี้การยิงพิโค่เลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้อีกด้วย

การทำ Pico Laser มีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบช่วยอะไรบ้าง

Pico Laser แต่ละแบบ แบ่งตามประเภทเครื่องยิงเลเซอร์ที่ใช้งาน สำหรับเครื่องที่ผ่านมาตรฐานในไทย ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัยมีทั้งหมด 5 แบบ ซึ่งมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันไป จึงเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่ต่างกัน ดังนี้

  • PicoSure เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ Picosecond รุ่นแรกของโลก คิดค้นโดยบริษัท Cynosure Inc. ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา สามารถยิงเลเซอร์ไปยังชั้นใต้ผิวที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ และไม่เกิดความร้อนสะสมใต้ชั้นผิว เหมาะสำหรับลบเลือนจุดด่างดำ ลบรอยฝ้า กระ รอยแผลเป็นจากสิว รวมไปถึงรอยสักต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้อีกด้วย
  • Discovery Pico เป็นเครื่องจากบริษัท Quanta System ประเทศอิตาลี ใช้หลัก Photoacoustic ในการบีบอัดพลังงานไปยังผิวหนังโดยไม่ใช้ความร้อน เพื่อให้เม็ดสีแตกตัวจนละเอียด และสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ไม่ว่าเม็ดสีนั้นจะอยู่ลึก หรือมีขนาดแค่ไหนก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลบรอยสัก มีรอยจากโรคเม็ดสีผิวผิดปกติ หรือผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง มีรอยแผลเป็น รอยสิว และรอยแดง
  • Enlighten เป็นเครื่องที่ผลิตโดยบริษัท Cutela จากสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับกำจัดสีใต้ผิวหนังที่เกิดจากเม็ดสีผิดปกติ รอยสัก รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อให้เกิดการสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
  • Picoway เป็นเครื่องจากบริษัท Candala ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถสลายเม็ดสีชั้นใต้ผิวได้อย่างละเอียด เพื่อให้ร่างกายย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ผิวชั้นลึกสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผิวจึงแข็งแรง ยืดหยุ่นกว่าเดิม และช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่นได้อีกด้วย เครื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ฝ้ากระ หรือรอยแผลเป็นต่าง ๆ
  • Pico Plus เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ที่คลินิก และสถานพยาบาลส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ผลิตโดยบริษัท Lutronic Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ยิงพลังงานเลเซอร์ออกมาด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาที จึงทำลายเม็ดสีใต้ผิวหนังได้ละเอียด รวดเร็ว อ่อนโยน และทิ้งความร้อนไว้ใต้ชั้นผิวน้อยที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว รอยแตกลาย รวมไปถึงรักษากระเนื้อ

Pico Laser เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำจากสิว หรือมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า
  • ผู้ที่อยากปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว อยากให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดชื่น
  • ผู้ที่มีกระตื้น กระแดด และกระลึก
  • ผู้ที่อยากลบรอยสัก รวมไปถึงปานแดง ปานดำ
  • ผู้ที่มีฝ้า หรือกระจากเม็ดสีที่ผิดปกติ
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน

การเตรียมตัวก่อนการทำ Pico Laser

  • งดยา และอาหารเสริมทุกชนิดที่ทำให้เลือดหยุดยาก
  • งดใช้สกินแคร์ประเภทผลัดเซลล์ผิว หรือกรดต่าง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • งดครับผิว หรือขัดผิว 2-3 วัน เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางลง
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดก่อนมาทำ เพราะผิวอาจบอบบาง ระคายเคืองง่าย
  • ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนทำอย่างน้อย 2-3 วัน

หลังทำ Pico laser ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

  • งดล้างหน้า และงดทาครีมบำรุงผิวหลังยิงเลเซอร์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • หากครบ 24 ชั่วโมงแล้ว
  • แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวในการทำความสะอาดใบหน้า
  • ใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง และมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว
  • อย่าจับ ถู หรือกดใบหน้าแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้จะไม่ได้ออกจากบ้าน เนื่องจากผิวยังอยู่ในช่วงบอบบาง
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประเภท AHA, BHA หรือวิตามิน C ประมาณ 1 อาทิตย์
  • ไม่ควรแกะ หรือเกาแผลตกสะเก็ดเด็ดขาด ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดไปเองตามธรรมชาติ
  • งดแต่งหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด
  • หลีกเลี่ยงการพบเจอแสงแดดจัด หรือนั่งอยู่หน้าเตาที่มีความร้อน

คำถามที่พบบ่อย

  • Pico Laser ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

ตอบ โดยทั่วไปสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ใบหน้าของคนไข้จะดูเรียบเนียนกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอกันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคน หากใบหน้ามีปัญหาหลายจุด หรือมีรอยกระลึก อาจต้องทำประมาณ 5-6 ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้งเพื่อให้แพทย์จาก คลินิกความงาม Napassaree วางแผนการรักษาที่เหมาะสมปลอดภัย

  • การทำ Pico Laser ทำให้หน้าบางลงจริงไหม

ตอบ ไม่จริง การทำเลเซอร์แล้วหน้าบางลงเป็นเทคโนโลยีแบบเก่าที่เข้าไปสร้างบาดแผลบริเวณผิวหนัง เพื่อลอกผิวหนังชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวบางลง แต่การทำพิโค่เลเซอร์เป็นการใช้เทคโนโลยียุคใหม่ที่ยิงพลังงานไปยังชั้นผิวด้านในจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงไม่ส่งผลให้ผิวหน้าบางลงแต่อย่างใด ทั้งนี้คนไข้ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเช่นกัน

  • ตอนทำ Pico Laser เจ็บไหม

ตอบ อาจมีรู้สึกระคายเคืองที่ผิวเล็กน้อยเหมือนการทำเลเซอร์ทั่วไป แต่ไม่ถึงกับเจ็บ เนื่องจากก่อนแพทย์ทำเลเซอร์ทุกครั้งจะมีการทายาชาเพื่อบรรเทาอาการอยู่แล้ว

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร? ใครบ้างที่ต้องฉีด

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด
มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด

มัดรวมมาให้แล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ใครบ้างที่ต้องฉีด

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังสนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ตัวนี้ มาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับ Napassaree Clinic ได้เลย
การแก้ปัญหาใต้ตาลึกโหล คล้ำ มีถุงใต้ตา หรือใต้ตาหย่อนคล้อยดูเหนื่อยล้า ที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยให้ดวงตาของเราสดใสเต่งตึง ตาดูตื่นเหมือนคนได้นอนมาครบ 8 ชั่วโมง ทั้งยังดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดีมากขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน ใครที่อยากเสกดวงตาสวยสดใส เนรมิตดวงตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจให้สดชื่นสุขภาพดี เรามีทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟิลเลอร์ใต้ตามาแบ่งปันกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ต้องฉีดแค่ไหน และมีวิธีการดูแลตัวเองก่อนหลังอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มฟูมากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่นใต้ตา ถุงใต้ตา ตาลึก ตาโหล รวมถึงปัญหาใต้ตาคล้ำได้ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ผิวเรียบเนียนอย่างได้ผล จึงสามารถคืนใบหน้าที่สดใส อ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติให้กับเราได้อีกครั้ง

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ มียี่ห้อไหนบ้าง

ปัจจุบันการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตามีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ และหลายรุ่น เพื่อความปลอดภัยควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อที่ได้มาตรฐาน เป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง และผ่านการรับรองจากอย. ประเทศไทย ยี่ห้อหลัก ๆ ที่แพทย์นิยมใช้กัน ได้แก่ Restylane, Juvederm และ Belotero โดยใน 3 ยี่ห้อนี้ จะใช้แก้ปัญหาใต้ตาในสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นใครเหมาะกับยี่ห้อหรือรุ่นใดจะต้องให้แพทย์ประเมินสภาพปัญหาก่อน จึงจะแนะนำรุ่นที่เหมาะสมให้ได้ เพราะฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสำหรับการนำมาใช้จะแตกต่างกันตามปัญหา ส่วนราคาของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคลินิก หรือสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา รวมไปถึงยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วย

ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดไปแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาการคงอยู่ของฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย อาทิ ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ การดูแลตัวเองทั้งก่อน และหลังการฉีดฟิลเลอร์ การรับประทานอาหาร รวมไปถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ใต้ตาจะคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ก่อนจะสลายตัวไปจนหมด แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว ก็จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้นานกว่านั้นได้

ใครบ้างที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาแต่ไม่อยากผ่าตัด และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว รวมถึงคนที่มีปัญหาดังนี้

  • คนที่มีปัญหาร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
  • คนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น กลัวการผ่าตัด
  • ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือปัจจัยทางพันธุกรรม
  • คนที่มีปัญหาเอ็นรอบดวงตาหย่อนคล้อย กระดูกเบ้าตาใต้ดวงตาลดลง
  • คนที่ต้องการทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถฉีดได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจต้องเช็กตัวเองก่อน หากจัดอยู่ในกลุ่มคนด้านล่างนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ได้ตา เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ กลุ่มคนที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออก เลือดหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย
  • ผู้ที่มีอาการแพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด
  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อในบริเวณที่ฉีด อาจทำให้ติดเชื้อได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยให้ผิวใต้ตาเต่งตึง แก้ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย
  • แก้ปัญหาถุงใต้ตา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมฐานกระดูก และทดแทนไขมันที่หายไป
  • แก้ปัญหาตาลึกโหล ร่องน้ำตา ร่องใต้ตาลึก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และด้านบนตา จะช่วยทดแทนไขมันที่เคลื่อนลงมาได้
  • แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ยกผิวให้ห่างจากหลอดเลือดใต้ผิวหนัง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว บางคนอาจมีอาการบวมที่บริเวณใต้ตาในจุดที่ฉีด แต่จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ซึ่งหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จแล้ว แนะนำให้ดูแลตัวเอง ดังนี้

  • ประคบเย็นที่ใต้ตา จะช่วยลดอาการบวมหลังฉีดได้
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ใต้ผิวยาวนานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนที่บริเวณใต้ตา เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายง่าย
  • งดการทำเลเซอร์ที่ผิวหน้า อย่างน้อย 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่

คำถามที่พบบ่อย

  • ถ้าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วเป็นก้อน ต้องทำอย่างไร

ตอบ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วเป็นก้อน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา แพทย์ขาดประสบการณ์ รวมไปถึงใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หากพบว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ควรไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรับการแก้ไขต่อไป

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดได้จริงไหม

ตอบ จริง เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่บอบบาง อีกทั้งยังมีเส้นเลือดฝอยอยู่จำนวนมาก หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ อาจทำให้เข็มแทงทะลุเส้นเลือดจนทำให้อุดตัน จนก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงจนทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ได้รับใบรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมาย และฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทุกครั้ง

อ้างอิง

สาขา จามจุรีสแควร์

ชั้น 3 ตึกจามจุรีสแควร์ ข้างร้านกาแฟมวลชน
(ลง MRT สามย่าน , จอดรถในตึกฟรี 2 ชม.)

Phone

สาขา อ่อนนุช

ใต้คอนโดไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท ตึกบี ติดร้านทำผม
(ลง BTS อ่อนนุช ทางออก 3, จอดรถหน้าร้าน)

Phone

Open everyday

11:00 – 20:00

ปรึกษาฟรี ทักไลน์ไอดี