- HOME
- เกี่ยวกับอาจารย์หมอส้ม
- SERVICE
- Newdoublo2.0
- Belotero Revive
- Filler ฟิลเลอร์
- ร้อยไหมจมูก ดั้งโด่งไม่ต้องพักฟื้น
- ร้อยไหมยกกระชับ
- CoolSculpting กำจัดไขมันเฉพาะจุด
- CoolSculpting / English
- Thermalift
- Sculptra
- Radiesse
- RADIESSE PLUS
- Ulthera ยกกระชับ
- PicoSure
- Rejuran
- Deep facial cleanser program
- HIFU
- Smaxel หลุมสิว รูขุมขน
- วิตามินผิว IV Therapy Program
- PROMOTIONS
- REVIEWS
- CELEBRITY RECOMMEND
- BEAUTY CLIPS
- CONTACT
- BLOG
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง คำแนะนำจากแพทย์ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์
เช่นกัน แต่การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ดียังไง ทำไมจึงเป็นที่นิยม
- เป็นการดูแลสุขภาพผิว ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงชุ่มชื้น ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ราคาไม่แพง ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ เห็นผลยาวนานสูงสุดถึง 2 ปี
- มีความปลอดภัยสูง แต่ควรฉีดกับคลินิกที่ได้รับใบรับรองเท่านั้น
- ปรับรูปหน้าได้อย่างใจ โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
ประเภทของฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง ?
ในหลายปีที่ผ่านมา มีการคิดค้นฟิลเลอร์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีจุดเด่นจุดด้อย เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วเราสามารถแบ่งฟิลเลอร์ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
ฟิลเลอร์ชั่วคราว (Temporary Filler)
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์เนื้อกลาง
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
ฟิลเลอร์ถาวร (Permanent Filler)
เป็นฟิลเลอร์กลุ่มที่อันตรายที่สุด เพราะใช้ส่วนผสมที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมจนต้องหาวิธีกำจัดออก หลังจากฉีดเราจึงมีอาการแพ้ บวมแดง อักเสบ จนลุกลามกลายเป็นพังผืด หรือมีผลข้างเคียงร้ายแรงตามมามากมาย อาทิ หลอดเลือดอุดตัน กล้ามเนื้อตาย หรืออาจเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
หากพบโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นานหลายปี มีราคาถูกเกินกว่าความเป็นจริง ให้พึงระวังไว้ว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ถาวร หรืออีกชื่อคือ ฟิลเลอร์ปลอม ก็เป็นได้
รวมยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ผ่าน อย. (อัปเดต 2024)
อย่างที่เรากล่าวไปว่าฟิลเลอร์มีหลากประเภท หลายยี่ห้อ การเลือกฟิลเลอร์อย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม หากเราเลือกฟิลเลอร์จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลฟิลเลอร์รูปแบบต่าง ๆ ระบุไว้ชัดเจน เราก็สามารถเลือกฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย คุ้มค่าคุ้มราคา และตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดได้ง่ายขึ้น
สำหรับยี่ห้อฟิลเลอร์ชั่วคราวที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย เรารวบรวมฉบับอัพเดท 2024 มาให้แล้วตามรายชื่อด้านล่างนี้
- ฟิลเลอร์ Juvederm – เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์อันดับต้น ๆ ของโลกจากอเมริกา มีจุดเด่น คือ Lidocaine ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด และหลังการฉีด
- ฟิลเลอร์ Restylane – ฟิลเลอร์จากสวีเดน มักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของคนที่อยากฉีดฟิลเลอร์ปาก เพราะมีเนื้อละเอียด แต่มีความคงตัวสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ
- ฟิลเลอร์ Definisse – เป็นฟิลเลอร์จากอิตาลี ตัวฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดความเสี่ยงในการแพ้ ทำให้บวมน้อยกว่า
- ฟิลเลอร์ Belotero – เป็นฟิลเลอร์มาแรงจากสวิตเซอร์แลนด์ มีตัวเลือกหลากหลาย ตัวที่เป็นฟิลเลอร์แข็งจะมีความคงตัวสูง ใช้ฉีดเสริมกระดูกปรับรูปหน้าได้ชัดเจน ส่วนตัวที่เป็นฟิลเลอร์อ่อนอย่าง Belotero Revive ก็มีฤทธิ์ฟื้นฟูผิวที่ยอดเยี่ยม
- ฟิลเลอร์ Neuramis – เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลีที่ดังเรื่องหัตถการและศัลยกรรมอยู่แล้ว ใช้งานง่าย เหมาะกับงานยกกระชับ และปรับรูปหน้า
- ฟิลเลอร์ YVOIRE – ฟิลเลอร์จากเกาหลีอีกตัวหนึ่ง โด่งดังเรื่องฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ยืดหยุ่นได้ดี แต่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับธรรมชาติ และสลายตัวช้าที่สุด
- ฟิลเลอร์ e.p.t.q. – เป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ตัวเลือกจากเกาหลี ที่ใช้เติมเต็มริ้วรอย และรอยพับบนใบหน้าได้ดี
- ฟิลเลอร์ Revanesse – เป็นฟิลเลอร์จากแคนาดาที่มีเพียงรุ่น Revanesse Ultra ที่ผ่าน อย. ไทย เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความหนืดสูง เหมาะกับริ้วรอยระดับลึก
- ฟิลเลอร์ FLORE – เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลี ที่ใช้เทคโนโลยี HCCL (Highly Cross-Linked Cohesive) ในการผลิต ทำให้เนื้อเจลแข็งแรง ยืดหยุ่น และสามารถปรับรูปได้ง่าย ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ
สำหรับยี่ห้อฟิลเลอร์ชั่วคราวที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย เรารวบรวมฉบับอัพเดท 2024 มาให้แล้วตามรายชื่อด้านล่างนี้
ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
2. การฉีดฟิลเลอร์ปาก
3. การฉีดฟิลเลอร์คาง
4. การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
5. การฉีดฟิลเลอร์จมูก
6. การฉีดฟิลเลอร์ขมับ
7. การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหา – แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- เลือกชนิดของฟิลเลอร์ – แพทย์จะแนะนำชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และบริเวณที่ต้องการฉีด โดยจะมีราคาและคุณภาพแตกต่างไป จากนั้นจะเป็นการนัดวัน และเวลาในการฉีด
- เตรียมผิว – ทำความสะอาดผิว และทายาชา
- ฉีดฟิลเลอร์ – ก่อนการฉีด แพทย์จะนำฟิลเลอร์ที่จะใช้มาแกะกล่องให้เราดูต่อหน้า เพื่อให้ตรวจสอบความถูกต้องของฟิลเลอร์ จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ โดยเทคนิคการฉีดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- ประคบเย็น – หลังการฉีด แพทย์จะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และอักเสบ
- ดูแลหลังการฉีด – หลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว ผู้เข้ารับบริการต้องดูแลตัวเอ งตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์
- แจ้งประวัติสุขภาพ ยาที่แพ้ และโรคประจำตัว ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
- งดยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ วิตามินอี น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ
- งดสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว หรือการสครับหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมผิว
- งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังการฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพื่อลดอาการบวม
- งดการออกกำลังกายหนักก่อนและหลังการฉีด 24 ชั่วโมง เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย และลดการไหลเวียนของเลือด
- งดซาวน่า อบไอน้ำ ก่อนและหลังการฉีด 24 ชั่วโมง
- หากมีคอร์สหัตถการเกี่ยวกับใบหน้า ให้ทำก่อนฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 72 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถขยับใบหน้าได้ตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงการกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีด
- นอนหงาย นอนตะแคงได้ตามปกติ แต่ระวังการกดทับในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- ออกกำลังกายเบา ๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดอาการบวม และช้ำ อย่างน้อย 72 ชั่วโมง
- ประคบเย็น อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการนวด และสัมผัสจุดที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดทาครีมบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ทาครีมกันแดดป้องกันรังสี UV อย่างต่อเนื่อง
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
- หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที
อาการหรือผลข้างเคียงหลังเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- บวม: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด และมักจะหายไปภายใน 2-3 วัน
- แดง: บริเวณที่ฉีดอาจมีรอยแดง ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
- ช้ำ: อาจเกิดรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- คัน: อาจรู้สึกคันบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อย
- ปวด: อาจรู้สึกเจ็บหรือปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ ?
- ฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท
- ฟิลเลอร์ขมับ ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,000 บาท
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเริ่มต้นประมาณ 8,000 บาท
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,900 บาท
- ฟิลเลอร์ปาก ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,000 บาท
- ฟิลเลอร์คาง ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,900 บาท